ไม่พบผลการค้นหา
UN ออกรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในตุรกี พบว่ามีการฉวยโอกาสในช่วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ละเมิดสิทธิพลเมืองอย่างหนัก มีการจับนักโทษการเมืองไปแล้วเกือบ 2 แสนคน

คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHRC เปิดเผยรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของตุรกีประจำปี 2017 ที่ผ่านมา โดยในรายงานระบุว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยาวตั้งแต่มีความพยายามก่อรัฐประหารเมืองเดือนกรกฎาคม 2016 ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อสิทธิมนุษยชนของพลเมืองตุรกี และบ่อนทำลายหลักนิติรัฐในประเทศ 

UN ยังย้ำด้วยว่าการใช้อำนาจในกฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าเป็นการใช้อำนาจรัฐเกินกว่าเหตุเพื่อปราบปรามการวิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐบาล โดยนายเซอิด ราอัด อัล-ฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาติ ถึงกับกล่าวว่าการกระทำเช่นนี้ถือว่าน่าตกใจและน่ากังวลอย่างมาก

รายงานฉบับดังกล่าวเปิดเผยว่าตลอด 18 เดือนที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน มีผู้ถูกจับกุมกว่า 160,000 คน และมีเจ้าหน้าที่รัฐโดนปลดจากตำแหน่งกว่า 152,000 คน ส่วนใหญ่เป็นการกระทำตามอำเภอใจ ไม่มีกฎหมายรองรับ ครู ผู้พิพากษา ทนายความ จำนวนมากถูกไล่ออกหรือลงโทษ ผู้สื่อข่าวถูกจับกุมคุมขัง และสื่อทั้งออนไลน์และสำนักข่าวทางการจำนวนมากถูกสั่งปิดโดยไม่ชอบธรรม

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี ชี้แจงต่อ UNHRC ว่าผู้ที่ถูกจับกุมล้วนเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการก่อการร้ายที่เชื่อมโยงกับอิหม่ามเฟธูลลาห์ กูเลน นักสอนศาสนาชื่อดังที่ลี้ภัยอยู่ในสหรัฐฯและถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความพยายามก่อรัฐประหารรัฐบาลของนายเรเจป ทายยิบ เออร์โดกัน เมื่อปี 2016 โดยตำหนิด้วยว่ารายงานของ UN มีลักษณะอคติ และเต็มไปด้วยข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง