ไม่พบผลการค้นหา
ผู้นำนานาประเทศและตัวแทนบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ทั่วโลก เข้าร่วมการประชุมการแก้ปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงที่กรุงปารีส แต่ผู้นำฝรั่งเศสระบุว่า นานาชาติอาจจะกำลังพ่ายแพ้การต่อสู้ภาวะโลกร้อน

นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติว่าด้วยการแก้ไขปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงและภาวะโลกร้อนที่กรุงปารีส เมื่อวานนี้ (12 ธันวาคม) โดยมีผู้นำจากนานาประเทศ และคณะผู้บริหารของบรรษัทข้ามชาติกว่า 20 แห่งเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย ซึ่งนายมาครงประกาศว่านานาประเทศกำลังพ่ายแพ้ในการต่อสู้ภาวะโลกร้อน เพราะไม่มีความคืบหน้าจากการประชุมครั้งสุดท้ายเมื่อ 2 ปีก่อนที่กรุงปารีส ทั้งยังเกิดกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศถอนตัวจากการเป็นประเทศภาคีต่อต้านภาวะโลกร้อนไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาด้วย อย่างไรก็ตาม นายมาครงย้ำว่า ประเทศสมาชิกที่เหลืออยู่ก็ยังจะต้องต่อสู้กันต่อไป

ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สถาบันการเงิน 200 แห่งทั่วโลกที่เข้าร่วมการประชุม ระบุว่าจะกำหนดแนวทางการใช้งบประมาณสนับสนุนด้านการเงินการลงทุน 26 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อกดดันเหล่าบรรษัทข้ามชาติซึ่งเป็นต้นตอปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศโลกให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและหันไปส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น และบรรษัทยักษ์ใหญ่อีก 20 แห่ง เช่น ยูนิลีเวอร์ มาร์คแอนด์สเปนเซอร์ รวมถึงเครือบริษัทเวอร์จินกรุ๊ป ลงนามสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดร่วมกับผู้นำอีก 26 ประเทศทั่วโลกด้วย

แม้จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมด้านสิ่งแวดล้อมหลายร้อยคนรวมตัวกันบริเวณด้านหน้าสถานที่จัดประชุมในกรุงปารีส แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงหรือการปะทะใดๆ กับเจ้าหน้าที่ โดยเป้าหมายหลักของกลุ่มผู้ชุมนุมคือการเรียกร้องให้ผู้นำโลกลดและเลิกการใช้พลังงานนิวเคลียร์ด้วยเช่นกัน แต่ให้หันไปสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ แทน

ส่วนนายอันตอนีอู กูแตร์รีช เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ซึ่งเข้าร่วมการประชุมที่กรุงปารีสครั้งนี้ด้วย ระบุว่านานาประเทศจะต้องคำนึงถึงการลงทุนที่จะส่งเสริมความก้าวหน้าในอนาคต ไม่ใช่ยึดติดกับการลงทุนแบบเดิมในอดีต โดยเขาเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศสมาชิกสหประชาชาติทั่วโลกตระหนักถึงความจำเป็นในการลดและเลิกการใช้พลังงานถ่านหินอย่างจริงจัง เพราะพลังงานประเภทนี้เป็นต้นตอที่ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอน และส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกและภาวะโลกร้อน

นายกูแตร์รีชระบุด้วยว่า ยุคหินในอดีตไม่ได้สิ้นสุดลงเพราะหินหมดไปจากโลก จึงไม่จำเป็นต้องรอให้น้ำมันดิบหรือถ่านหินหมดไปจากโลกก่อนถึงค่อยประกาศสิ้นสุดการใช้พลังงานเหล่านี้

ขณะที่นักวิทยาศาสตร์นานาชาติระบุว่า ภาวะโลกร้อนทำให้ภัยพิบัติทางธรรมชาติในหลายพื้นที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อกลุ่มประชากรที่เปราะบางมากที่สุด ได้แก่ คนยากจน ผู้สูงอายุ ผู้หญิงตั้งครรภ์และเด็กอ่อน ซึ่งไม่มีความพร้อมที่จะต้านทานภัยธรรมชาติเหล่านี้ ส่วนประเทศต่างๆ ที่เป็นหมู่เกาะก็ได้รับผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ถ้าหากไม่มีมาตรการแก้ไขหรือแนวทางรองรับตั้งแต่ต้น ก็จะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มประชากรเหล่านี้ในระยะยาวอีกด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

บิทคอยน์เสี่ยงฟองสบู่แตก-กระทบโลกร้อน

จดหมายถึงมนุษยชาติ 'ปัญหาสิ่งแวดล้อมอาจทำให้โลกเสียหายเกินเยียวยา'

ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงลดโลกร้อนแล้ว