นายวิเชียร ชิณวงศ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันตก กล่าวกับสื่อมวลชนกรณีการจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต และพวกรวม 4 คน ลักลอบตั้งแคมป์ในเขตห้ามตั้ง และลอบฆ่าสัตว์ป่าในเขตทุ่งใหญ่ฯ ว่ายังไม่มีการถูกข่มขู่ใดๆ และทุกคนมีสิทธิ์ใช้สิทธิ์ทางกฎหมายต่อสู้คดี ทุกคนมีสิทธิ์ฟ้องกลับได้ แต่ทางกรมอุทยานฯ และกระทรวงฯ มีนิติกร มีทีมงานที่พร้อมเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำในการต่อสู้คดี

ในส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทุ่งใหญ่ฯ ก็เสียใจ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน ไม่อยากให้เกิด ต่อไปจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตรา โดยเฉพาะการเข้า-ออก จะเพิ่มให้มากยิ่งขึ้นหลายเท่า สำหรับจุดอ่อนของการตรวจเข้า-ออก คือ บางทีมีรถเข้ามาหลายคัน สัมภาระเต็มคันรถ ถ้าจะให้ตรวจละเอียดเหมือนสนามบินคงทำได้ยาก แต่ต่อไปอาจจะล่าช้าบ้างก็ต้องยอมให้ถูกตำหนิ ซึ่งถ้าอยากให้การทำงานรวดเร็วขึ้น เครื่องมือที่ใช้ในการต���วจที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ ก็ควรมีเข้ามาช่วยในส่วนนี้

ส่วนที่ผ่านมาเคยได้รับการติดต่อให้รับรองแขกผู้ใหญ่เป็นเรื่องปกติ แต่ไม่อยากให้มองว่าเป็นแขกวีไอพี ทุกคนมีสิทธิ์เท่ากันเหมือนประชาชนทั่วไป และตลอดเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่มา 12 เดือน ตนเองยังไม่เคยเห็นคุณเปรมชัยเข้าไปพื้นที่ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็น

ทั้งนี้ พฤติกรรมการล่าสัตว์ส่วนใหญ่จะมาในลักษณะของการแอบเข้า แอบทำ ซ่อนพรางตัวไม่ให้เจ้าหน้าที่เห็น แต่ในกรณีนี้มาแบบเปิดเผย แสดงตัว จุดตั้งแคมป์พักแรมอยู่ติดถนน มีอาวุธเข้ามา ตนเองมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป เป็นการกระทำที่ไม่ยำเกรงกฎหมายบ้านเมืองมากกว่า ก่อนหน้าก็เคยมีการจับกุมในลักษณะนี้แต่เป็นเพียงชาวบ้านที่เข้าไปล่าสัตว์เพื่อการยังชีพไม่ได้ล่าเพื่อความสนุก ความเท่ หรือสนองกิเลสของตัวเอง 

การพบเห็นเสือดำนั้น หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ เปิดเผยว่า พูดยาก เพราะตัวเจ้าหน้าที่เองเข้าตรวจตราทุกวันยังไม่เจอเสือดำออกมาให้เห็นเลย บางทีนักท่องเที่ยวเข้ามาแค่วันเดียวก็เจอเสือดำแล้ว มันอยู่ที่จังหวะมากกว่า แต่ความชำนาญเฉพาะทางของพรานในพื้นที่มีผลต่อการเข้าไปพบเสือดำในป่า ประกอบกับวิธีการที่ทำให้เสือดำไว้วางใจด้วย สำหรับในทุ่งใหญ่ฯ จำนวนประชากรเสือดำมีอยู่พอสมควร ส่วนพื้นที่อื่นๆอาจจะหายาก แต่ถ้าอยากพบเสือดำขอให้มีเวลาก็สามารถพบเจอได้เช่นกัน

นอกจากนี้ นายวิเชียร ยังเปิดเผยถึงช่วงเวลาที่เข้าตรวจค้นคณะของนายเปรมชัยว่า ตอนแรกได้เข้าไปตักเตือนและให้คำแนะนำคณะของนายเปรมชัย เพื่อให้ปฏิบัติตาม แต่กลับถูกเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ จึงพบพิรุธน่าสงสัยนำไปสู่การตรวจค้น พร้อมกล่าวด้วยว่า คณะของนายเปรมชัย มีการแนะนำตัวว่าเป็นใคร และมีการยื่นข้อเสนอให้เป็นการหยั่งเชิงเพื่อดูท่าทีว่าทางเจ้าหน้าที่จะเอนเอียงหรือไม่ 

ทั้งนี้ ในตอนท้าย นายวิเชียร กล่าวว่า "ขอเรียนว่าคนทุ่งใหญ่ฯ ศักดิ์ศรีเรามี ถึงเราจะอยู่ในป่า ไม่ได้ร่ำรวย แต่เราไม่ต้องการเงินจากคุณเปรมชัยแม้แต่บาทเดียว" โดยหลังจากนี้นายวิเชียร จะเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ปากคำเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามกระบวนการต่อไป