ไม่พบผลการค้นหา
IMF ออกมาเตือนสหรัฐฯ ที่ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมว่าจะนำไปสู่สงครามการค้า และอาจจะเป็นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่จะต้องเจ็บตัวจากนโยบายขึ้นภาษีของตัวเอง ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความมั่นใจว่าจะเป็นผู้ชนะในสงครามการค้าครั้งนี้

IMF หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เป็นองค์กรล่าสุดที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศสูงถึง 25% และขึ้นภาษีนำเข้าอลูมิเนียม 10% ว่าจะทำให้ทั้งเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และอีกหลายๆ ประเทศต้องเจ็บตัวไปตามๆ กัน เนื่องจากประเทศอื่นๆ ก็จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพื่อเป็นการตอบโต้ และจะนำไปสู่สงครามการค้า ซึ่งก็สอดคล้องกับท่าทีขององค์กรการค้าโลก หรือ WTO ที่ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ว่าสงครามการค้าไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไหน 

ast91.jpg

ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความคิดเห็นผ่านทวิตเตอร์ว่า สงครามการค้าเป็นเรื่องที่ดี และแสดงความมั่นใจว่าสหรัฐฯ จะเป็นผู้ชนะในสงครามการค้าได้อย่างง่ายดาย โดยอธิบายว่าถ้าสหรัฐฯ เสียดุลการค้าให้กับประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์ แค่หยุดทำการค้ากับประเทศเหล่านั้น ก็เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แล้ว โดยก่อนหน้านี้ ทรัมป์ระบุว่ามาตรการขึ้นภาษีนี้จะช่วยเหลืออุตสาหกรรมเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการค้าที่ไม่เป็นธรรมมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา แต่ไม่มีการเปิดเผยว่าจะมีการเก็บภาษีแบบค่อยเป็นค่อยไปหรือเก็บภาษีเต็มจำนวนในทันที

ขณะที่ประเทศที่เป็นคู่ค้าเหล็กและอลูมิเนียมหลักๆ ของสหรัฐฯ ต่างแสดงความไม่พอใจต่อมาตรการตั้งกำแพงภาษี อย่าง แคนาดา เม็กซิโก บราซิล และสหภาพยุโรป ประกาศว่าจะออกมาตรการตอบโต้กำแพงภาษีของนายทรัมป์ โดยนายฌ็อง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป มองว่ากำแพงภาษีจะกระทบการจ้างงานหลายพันตำแหน่งของยุโรป และยุโรปจะไม่นิ่งเฉยกับมาตรการการค้าที่ไม่เป็นธรรม 

ด้านนักเศรษฐศาสตร์มองว่าการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐฯ นอกจากจะไม่ได้ช่วยปกป้องงานในสหรัฐฯ แล้ว ยังจะทำให้ราคาเหล็กและอลูมิเนียมในสหรัฐฯแพงขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้วผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงก็คือผู้บริโภคในสหรัฐฯเอง

ภาพ: AP