พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ชี้แจง แต่งตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นที่ปรึกษาด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน ของนายกรัฐมนตรี เป็นการแต่งตั้งหัวหน้าส่วนราชการตามขั้นตอน และเป็นมติคณะรัฐมนตรีซึ่งผ่านการตรวจสอบแล้วจึงมีมติออกมา เนื่องจากมีความจำเป็นต้องมีคนเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน และไม่ได้จะตั้งขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เพราะวันนี้จะต้องเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง จึงจำเป็นต้องมีคนมาให้คำปรึกษาว่าการเมืองทำอย่างไร ส่วนนายสนธยาจะลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังชลหรือไม่ นายกรัฐมนตรีไม่ทราบ
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา ยังได้เสนอนายอิทธิพล คุณปลื้ม น้องชายของนายสนธยา อดีตนายกเมืองพัทยา และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยมีวาระดำรงตำแหน่ง 1 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่มีมติ ครม. นายสนธยา ได้เปิดเผยว่า ที่เข้ามารับตำแหน่งนี้ เพราะต้องการทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และต้องที่จะผลักดันโครงการเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยจะเป็นตัวกลาง การผลักดันให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพราะตนเองเป็นคนในพื้นที่ ทราบและรู้ปัญหาทั้งหมด ข้อสงสัยที่ตนเองเข้ามานั่งตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการเมืองของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้จะเป็นการปูทางร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น ตนขอยืนยันว่าตนเองรับมาเพื่อทำงาน สร้างประโยชน์ให้พื้นที่ อีกทั้งตนยังเป็นหัวหน้าพรรคพลังชลอยู่
ก่อนหน้านี้ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชลพร้อมด้วยอดีต ส.ส.ของพรรคพลังชล พบปะพูดคุย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระหว่างเดินทางไปประชุม ครม.สัญจร จังหวัดจันทบุรี ทำให้เกิดกระแสข่าวเตรียมเข้าร่วมทางการเมืองในการเลือกตั้งสมัยหน้า
ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่ามีคนของรัฐบาลเข้าหารือกับแกนนำพรรคพลังชล เพื่อขอให้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก โดยแลกกับการลดโทษให้นายสมชาย คุณปลื้ม หรือ 'กำนันเป๊าะ' สอดคล้องกับโฆษกพรรคพลังชล ที่ชี้แจงว่า แกนนำพรรคฯไม่ได้พูดคุยประเด็นการเมืองใดๆ แต่เป็นการต้อนรับ ครม. ในฐานะเจ้าบ้าน และแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
'สกลธี' อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เข้ารับตำแหน่งรองผู้ว่า กทม.
ขณะที่เมื่อเช้านี้ นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตแกนนำ กปปส. และอดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 4 พรรคประชาธิปัตย์ เข้ารับตำแหน่งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) คนใหม่ อย่างเป็นทางการในวันแรก หลังจาก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ลงนามคำสั่งเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2561 ปลด พล.ต.อ.ชินทัต มีศุข พ้นจากตำแหน่งรองผู้ว่าราชการ กทม. และแต่งตั้งนายสกลธี ภัททิยกุล เป็นรองผู้ว่าฯ กทม. แทน
ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าอาจจะมีนัยยะทางการเมืองหรือไม่ เนื่องจาก เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมานายสกลธี และอดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์และแกนนำ กปปส.บางราย พร้อมด้วยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีต ส.ส. จังหวัดสิงห์บุรี พรรคชาติไทย ได้เข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรือเรื่องอนาคตทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. ชี้แจงว่าการปรับตำแหน่งและมอบหมายงานรองผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานให้มากกว่าเดิม ซึ่งคนที่ปรับเปลี่ยนออกไป คือ พล.ต.อ.ชินทัต มีศุข เปลี่ยนจากรองผู้ว่าฯ กทม.เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.นั้น ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายหรือมีอคติ แต่อยากให้ทำงานหลากหลายขึ้น ยืนยันว่าไม่มีเหตุผลความขัดแย้งหรือนัยยะทางการเมือง
ประยุทธ์ ไม่สน พท.นัด ส.ส.ตระกูลสะสมทรัพย์ ทานข้าว แต่อย่าทำผิดฏำหมาย
ขณะเดียวกัน ทางฝั่งพรรคเพื่อไทยก็มีกระแสข่าวว่าแกนนำพรรคเพื่อไทยเตรียมนัดรับประทานอาหารและตีกอล์ฟร่วมกับตระกูลสะสมทรัพย์ และอดีต ส.ส.ของจังหวัดนครปฐมหลายคน ในวันที่ 18 เม.ย.นี้ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่สนใจกระแสข่าวที่เกิดขึ้น แต่ขออย่าทำผิดกฎหมาย เพราะขณะนี้ยังไม่มีการปลดล็อคทางการเมือง
"ไปรับประทานทานไปสิ แต่ผิดคำสั่งหรือเปล่าไม่รู้กำลังตรวจสอบ คนที่ไปเดินเคลื่อนไหว ไปพบปะประชาชนต่างๆ กำลังดูว่าผิดคำสั่งอะไรหรือเปล่า เพราะคำสั่งเขียนไว้ชัดเจนว่าทำอะไรได้บ้าง ขอให้ระมัดระวังอย่าให้ผิดกฎหมายก็แล้วกัน"
นายกรัฐมนตรียังกล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องใดก็ตามที่เป็นความขัดแย้ง ตนขอร้องเพียงอย่างเดียวว่าหลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขอให้รัฐบาลนำพาประเทศให้ผ่านพ้นช่วงเวลาสำคัญช่วงนี้ไปให้ได้ก่อนการเลือกตั้ง เพราะหากไม่สงบเรียบร้อยเราก็ไม่สามารถทำอะไรต่อไปได้ วันหน้าก็จะมีความวุ่นวายสับสนอลม่านเหมือนเดิม รวมทั้งขอสื่อมวลชนเสนอข่าวทั้งสองทาง อย่าไปตัดสินว่าอะไรผิดหรือถูก เพราะข้อมูลอาจไม่ตรงกัน ทั้งนี้ไม่อยากให้ฟังคำพูดจากภายนอกมากนัก โดยเฉพาะหลายคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินช่วงที่ผ่านมา เพราะรัฐบาลนี้ทำสนองตอบทุกคน ซึ่งนักการเมืองพรรคการเมืองก็เคยทำไม่ได้ แต่รัฐบาลนี้ก็ทำให้ได้ ส่วนที่ดีทำขนาดนี้แล้วจะมาติติงอะไรกันมากนัก