ไม่พบผลการค้นหา
ศาลขอนแก่น ตัดสินจำคุก 'เปรี้ยว-เอิร์น-เบนซ์' 2 เดือน ปรับ 500 บาท ฐานละเมิดอำนาจศาล กรณีแชทหลุดคุยกับคนภายนอกในห้องพิจารณาคดี โดยให้รอลงอาญา 1 ปี ทนายคาดทำคึกคะนอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากการพิจารณาคดีละเมิดอำนาจศาล ของ ศาล จ.ขอนแก่น ตามที่องค์คณะผู้พิพากษาได้มีการนัดไต่สวนฉุกเฉินในช่วงบ่ายของวานนี้ ( 28 มี.ค.) จากกรณีที่มีภาพและข้อความหลุดไปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆ ของ น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว น.ส.กวิตา ราชดา หรือ เอิร์น และ น.ส.จิดารัตน์ พรมคุณ หรือเบนซ์ ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยองค์คณะผู้พิพากษาได้มีการไต่สวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คนจนแล้วเสร็จ ก่อนมีคำสั่งศาลให้จำคุกผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เป็นเวลา 2 เดือน ปรับคนละ 500 บาท โดยให้รอลงอาญา 1 ปี 

ทันทีที่ศาลอ่านคำพิพากษาแล้วเสร็จ จึงมีคำสั่งให้ตำรวจศาลทำการควบคุมตัว น.ส.ปรียานุช และน.ส.กวิตา กลับลงไปห้องควบคุมตัวผู้ต้องหาบริเวณชั้น 1 ของอาคารศาลทันทีเพื่อส่งตัวให้กับเจ้าหน้าที่กรมราชทัณพ์กลับไปทำการคุมขังที่เรือนจำกลางขอนแก่น เช่นเดิม ขณะที่ น.ส.จิดารัตน์ นั้น ทีมทนายความได้นำตัวไปชำระค่าปรับกับทางศาล ก่อนที่อนุญาตให้เดินทางกลับ ตามสิทธิของการประกันตัวของกองทุนยุติธรรม

นายธนัญชัย วงษ์ซ้าย ทนายความของ น.ส.จิดารัตน์ กล่าวว่า ในการพิจารณาไต่สวนครั้งนี้ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าร่วมกันทำจริง โดยกระทำการในช่วงบ่ายของวันที่ 13 มี.ค. ในห้องพิจารณาคดี ศาลจึงทำการวินิจฉัยตามที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เพราะถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล และต้องการตักเตือนผู้ต้องหาทั้ง 3 คน และเป็นคดีตัวอย่างที่เกิดขึ้นในอำนาจศาล จึงมีคำสั่งจำคุกผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เป็นเวลา 2 เดือน และปรับคนละ 500 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา ทำให้ น.ส.จิดารัตน์ ซึ่งอยู่ในระหว่าง การประกันตัว ได้ทำการชำระค่าปรับต่อศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเดินทางกลับ ขณะที่ น.ส.ปรียานุช และ น.ส.กวิตา ซึ่งถูกคุมขังอยู่แล้ว จึงไม่ต้องชำระค่าปรับ เพราะถูกคุมขังในช่วงของการรอพิจารณาคดี ตามการนัดหมายของศาล

โดยส่วนตัวมองว่าการกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 3 คนนั้นทำเพราะคึกคะนอง ตามวัย และไม่มีเจตนาที่จะละเมิดอำนาจศาล ส่วนจะคุยกับบุคคลใดนั้นหรือ คุยอย่างไรนั้น ทนายความไม่ขอเปิดเผยและไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด เนื่องจากการไต่สวนผู้ต้องหาทั้ง 3 ให้การรับสารภาพ ดังนั้นศาลจึงมีคำสั่งดังกล่าวออกมาเพื่อตักเตือนผู้ที่ละเมิดอำนาจศาล และให้เป็นบรรทัดฐานหากกระทำการฝ่าฝืนคำสั่ง ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน

นายธนัญชัย กล่าวต่ออีกว่า คำสั่งศาลซึ่งเป็นผลการพิจารณาคดีครั้งนี้ ถือว่าศาลยังคงเมตตาและให้โอกาส เนื่องจากผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหาและมีการให้การต่อศาลอย่างครบถ้วน ซึ่งอาจจะเป็นจังหวะหรือโอกาส ทำให้ผู้ต้องหาทั้ง 3 อยากคุย อยากสนุก กระทำไปด้วยความคึกคะนอง ไม่มีเจตนาใดๆ ตามที่สื่อมวลชนนำเสนอข้อมูลไป 

อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปเหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายคือการพิจารณาคดีในคดีหลัก คือการร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ของผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ซึ่ง น.ส.จิดารัตน์ นั้นให้การรับสารภาพในข้อหารับของโจรไปแล้ว โดยศาลได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 29 มิ.ย. 2561 ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 5 จะต้องมาฟังคำสั่งศาลครบทุกคน