ไม่พบผลการค้นหา
กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ขอเพิ่มงบกองทัพก้อนโต เพื่อปฏิรูปกองทัพครั้งใหญ่ รับมือภัยคุกคามจากรัสเซีย จีน และเกาหลีเหนือ สวนทางกับงบประมาณทางการทูตซึ่งถูกตัดครั้งใหญ่

กระทรวงกลาโหมยื่นของบประมาณปฏิรูปกองทัพปี 2019 เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากจีนและรัสเซียที่เพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปีที่มีการของบกลาโหมสูงสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ขณะเดียวกัน รัฐบาลของนายทรัมป์ก็เสนอตัดงบประมาณการทูตและความช่วยเหลือต่างประเทศครั้งใหญ่

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า กองทัพสหรัฐฯ จะแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา และสหรัฐฯ ต้องมีกองทัพที่เข้มแข็ง เพราะประเทศอื่นต่างเพิ่มศักยภาพกองทัพ หากประเทศอื่นหยุด สหรัฐฯ ก็จะหยุดเช่นกัน

แผนงบประมาณปี 2019 ที่รัฐบาลเสนอสูงถึง 686,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2017 ถึง 80,000 ล้านดอลลาร์ โดยนายเดวิด แอล นอร์ควิสต์ ปลัดกระทรวงกลาโหมด้านการเงินกล่าวว่า การแข่งขันระหว่างประเทศมหาอำนาจได้กลายมาเป็นความท้าทายความมั่นคงและความมั่งคั่งของสหรัฐฯ มากขึ้น ไม่ใช่การก่อการร้าย

ร่างเสนองบประมาณกระทรวงกลาโหมระบุว่า จีนและรัสเซียต้องการเปลี่ยนโลกให้ตรงกับระบอบเผด็จการมากขึ้น โดยจีนมีเป้าหมายระยะสั้นในการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านด้วยการเพิ่มกำลังทหารในพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ และมีเป้าหมายระยะยาวในการครองอำนาจเหนือสหรัฐฯ ในเวทีโลก

รายงานล่าสุดยืนยันว่า จีนเดินหน้าสร้างเกาะเทียมและฐานทัพบริเวณหมู่เกาะสแปรตลีย์ เกาะพาราเซล และเกาะปะการังสการ์โบโร นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จีนยังเพิ่งนำเครื่องบินซู-35 มาลาดตระเวนเหนือพื้นที่ดังกล่าว และเพิ่มศักยภาพกองทัพอากาศด้วยเครื่องบินขับไล่แบบล่องหนความเร็วเหนือเสียง เจ-20 ซึ่งจะสู้กับเครื่องบินล่องหนเอฟ-22 และเอฟ-35 ของสหรัฐฯ ได้

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุด้วยว่า รัสเซียรุกรานประเทศเพื่อนบ้านและพยายามวีโตมติด้านเศรษฐกิจ การทูต และความมั่นคงของประเทศอื่น อีกทั้งยังพยายามทำลายองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโตด้วย นอกจากนี้ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เครื่องบินรบของรัสเซียก็เกือบชนกับสหรัฐฯ หลายครั้งเหนือทะเลดำและซีเรีย

ปี 2017 ที่ผ่านมา นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย สั่งให้มีการแสดงแสนยานุภาพของกองทัพครั้งใหญ่ในขบวนพาเหรดทางทะเล จากวลาดิวอสต็อก ทางตะวันออกของประเทศ ไปยังเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ทางตะวันตกของประเทศ และยังแสดงแสนยานุภาพกองทัพในซีเรียและไครเมียอีกด้วย

นอกจากนี้ แผนงบประมาณของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยังระบุว่าจะต้องพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธ เพื่อรับมือภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ โดยจะจัดซื้อระบบป้องกันขีปนาวุธทาด (THAAD) 82 ชุด ระบบภาคพื้นดินป้องกันขีปนาวุธในระยะกลาง (GMD) 20 ชุด และขีปนาวุธ Standard Block 1B อีก 37 ลูกสำหรับเรือป้องกันขีปนาวุธและติดตั้งบริเวณชายฝั่งสหรัฐฯ เพื่อสกัดขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

• 5 เหตุผลของ 'ปูติน' ทำไมต้องผนวกไครเมีย

• ทำไมจีนถึงกลัวระบบต่อต้านขีปนาวุธทาด?

• อาเซียนเรียกร้องทะเลจีนใต้เป็นพื้นที่ปลอดทหาร