'ซาอุดี อารามโก' ตั้งราคาเสนอขายหุ้นใหม่เป็นครั้งแรก หรือ ไอพีโอ (IPO) เมื่อวันพฤหัสบดี (5 ธ.ค.) ในช่วงราคา 30 - 32 ริยัลซาอุดีอาระเบีย หรือประมาณ 242 - 359 บาท ในจำนวนทั้งหมด 3,000 ล้านหุ้น หรือประมาณร้อยละ 1.5 ของหุ้นบริษัท คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 7.7 แสนล้านบาท แซงหน้ามูลค่าเสนอขายครั้งแรกของ 'อาลีบาบา' ในปี 2557 ที่ 7.5 แสนล้านบาท
มูลค่าเสนอขายมหาศาลนี้ส่งให้มูลค่าบริษัทของอารามโกพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 51 ล้านล้านบาท จากที่เคยอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 36 ล้านล้านบาท ตามค่าประเมินของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก อย่างไรก็ตาม ตัวเลข 51 ล้านล้านบาท ยังน้อยกว่าค่าประเมินที่อารามโกหวังไว้ที่ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 60 ล้านล้านบาท
เมื่อน้ำมันไม่ยั่งยืน
สาเหตุที่ทำให้ อารามโก ตัดสินใจเข้าสู่การเปิดขายหุ้นของบริษัทให้กับสาธารณชนมาจากเป้าหมายของ 'เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน' ที่อยากจะเปลี่ยนให้ประเทศพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมันลดลง และหันไปลงทุนในอุตสาหกรรมอื่นๆ อาทิ พลังงานจากแสงอาทิตย์
ในช่วงแรก อารามโก ต้องการเปิดระดุมทุนสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 30 ล้านล้านบาท และวางไว้ว่าจะเปิดขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ 2 แห่ง คือ ตลาดหลักทรัพย์ตอดาวุล (Tadawul) ของซาอุดีฯ เอง และตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนของอังกฤษ แต่ก็ถอนตัวออกมาจากลอนดอนหลังโดนกระแสวิจารณ์เรื่องสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง และความเสี่ยงทางการเมืองที่จะมีผลต่ออารามโก จึงเหลือแค่ในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศเท่านั้น
'อารามโก' คือใครในสมรภูมิน้ำมันโลก
ถ้าจะพูดถึงบริษัทซาอุดี อารามโก ก็ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2476 ในสมัยที่ประเทศซาอุดีฯ และบริษัทสแตนดาร์ดออยล์แห่งแคลิฟอร์เนีย หรือต่อมารู้จักกันในชื่อ 'เชฟรอน' ร่วมกันค้นหาและขุดเจาะน้ำมัน ก่อนที่ต่อมาในช่วงปี 2516 - 2523 ซาอุดีฯ จะเข้ามาซื้อบริษัททั้งหมดเป็นของตัวเอง
โดยปัจจุบันประเทศซาอุดีฯ มีน้ำมันดิบสำรองมากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก รองจากประเทศเวเนซูเอลาเท่านั้น และยังมีอัตราการผลิตเป็นอันดับที่ 2 ของโลก รองจากสหรัฐฯ แต่สิ่งที่ทำให้ซาอุดีฯ ขึ้นมาโดดเด่นและได้เปรียบในสนามสมภูมิน้ำมันโลกเนื่องจากการเป็นเจ้าของบริษัทน้ำมันรายใหญ่รายเดียวเท่านั้นในประเทศ หรืออาจจะเรียกได้ว่า อารามโกเป็นแม่ของบริษัทน้ำมันและแก๊สธรรมชาติ