การประชุมวิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ครั้งแรก หลังจาก คสช. คลายล็อกทางการเมือง เพื่อวาระพิจารณาให้ความเห็นชอบข้อบังคับพรรคฉบับใหม่ให้สอดคล้องกับกฎหมายพรรคการเมือง มีประเด็นต่างๆ อาทิ การเพิ่มข้อบังคับเรื่องการตั้งหัวหน้าพรรคให้คำนึงถึงการหยั่งเสียงเบื้องต้น และสัดส่วนการโหวตเลือกหัวหน้าพรรคในที่ประชุมใหญ่ โดยปรับการคิดคะแนนรวมจากเดิมเป็น อดีต ส.ส. ร้อยละ 70 และสมาชิกอื่นร้อยละ 30 ขณะที่ข้อบังคับอื่นๆ ยังคงเป็นไปตามระเบียบเดิม เช่น คุณสมบัติของผู้สมัครเป็นหัวหน้าพรรค 

สำหรับสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ ประกอบด้วย คณะกรรมการบริหารพรรค สมาชิกที่เคยเป็นหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค อดีต ส.ส. สมาชิกที่เป็นนายก อบจ. นายกเทศมนตรี นายกเทศบาล อดีต ส.ก. ส.ข. อดีตประธานสาขาพรรค รวมทั้งหมดประมาณ 300 คน โดยการประชุมจะมีขึ้นในเวลา 13.00 น.

ด้านนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส. พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้สมัครท้าชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับผลการหารือระหว่างนายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวานนี้ (25 ก.ย.) เกี่ยวกับกติกาการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค ที่ทั้งคู่มีความเห็นพ้องร่วมกันในการเปิดกว้างให้สมาชิก กว่า 2.5 ล้านคน ที่ยังไม่ได้ยืนยันเป็นสมาชิก มีสิทธิร่วมโหวตหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคและสัญญาสุภาพบุรุษว่าผู้ได้คะแนนในลำดับที่ 2 และ 3 ต้องถอนตัวจากการชิงหัวหน้าพรรค

นพ.วรงค์ กล่าวว่า พร้อมยอมรับทุกเงื่อนไข ไม่ว่ามติที่ประชุมจะออกมาแบบใด จะปฏิบัติตาม สำหรับตัวเองในวันนี้แม้จะยังไม่ได้เป็นสมาชิกเนื่องจากไปบวชมาทำให้ขาดการเป็นสมาชิกภาพ แต่ก็ยังสามารถเข้าร่วมประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคได้ในฐานะอดีต ส.ส. และหลังจากทราบระเบียบข้อบังคับใหม่แล้วก็จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคต่อไป ส่วนกระแสตอบรับของสมาชิกในการลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคว่า ประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัดให้การตอบดี เพราะอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง 

ด้านนายสุรบถ หลีกภัย บุตรชาย นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันความพร้อมทำงานการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีความตั้งใจทำงานด้านการศึกษาและการสื่อสารกับวัยรุ่น ส่วนจะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพรรค

ส่วนเรื่องจุดยืนทางการเมือง นายสุรบถ บอกว่า ต้องเริ่มต้นที่การยุติความขัดแย้ง รวมถึงจุดยืนทางการเมืองการจับมือกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ภายในพรรคจะตัดสินใจ ส่วนจะสนับสนุนบุคคลใดเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ยังไม่สามารถให้ความเห็นได้ เนื่องจากยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค หากให้ความเห็นอาจไม่เหมาะสม