บริษัท ดิสโก บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดหางานของญี่ปุ่นเปิดเผยผลการสำรวจออนไลน์ ซึ่งระบุว่านักศึกษาที่กำลังจะจบในปี 2562 ประมาณ 67.5% จากทั้งหมด 1,258 คน ที่ตอบแบบสอบถามระบุว่าพวกเขาไม่ต้องการให้บริษัทต่างๆ ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาพิจารณารับคนเข้าทำงาน

อีกทั้ง ผู้ตอบแบบสอบถาม 50.1% ยังไม่ต้องการให้ AI อ่านประวัติของพวกเขาและเป็นผู้ตัดสินว่าพวกเขาจะได้ผ่านเข้ารอบต่อไปหรือไม่

บริษัท ดิสโก อธิบายว่าผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าในขณะที่ AI เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับบริษัทในการตรวจสอบทักษะและความสำเร็จในการทำงานของผู้สมัคร แต่นักศึกษาจบใหม่ให้คุณค่ากับเรื่องศักยภาพในการพัฒนาและความมุ่งมั่นในการทำงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากต่อการประเมินสำหรับ AI นักศึกษาจึงรู้สึกไม่สบายใจที่ระบบอัลกอริธึมจะเข้ามาตัดสินคุณสมบัติการทำงานของพวกเขา โดยที่ไม่ได้พบกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์เลยแม้แต่ครั้งเดียว

ผลสำรวจนี้ชี้ให้เห็นว่าผลการประเมินโดย AI อาจได้รับการยอมรับจากผู้สมัครงานในฐานะที่เป็นหนึ่งในหลายๆ เกณฑ์ที่ใช้ประกอบการพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัคร เมื่อบริษัทต้องตัดสินใจเลือกผู้สมัครในขั้นตอนสุดท้าย มากกว่าการใช้ AI เป็นตัวชี้เป็นชี้ตายตั้งแต่รอบแรก

เว็บไซต์ เดอะ เจแปนไทม์ส ระบุว่าฤดูกาลสมัครงานของนักศึกษาจบใหม่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อ สัปดาห์ก่อน และมีการคาดการณ์ว่าบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นจะได้รับประวัติการทำงานอย่าง ละเอียดของผู้สมัครงานมากกว่า 10,000 คน ซึ่งเป็นภาระหนักมากสำหรับฝ่ายทรัพยากรบุคคลที่จะต้องอ่านประวัติของทุกคน ส่งผลให้หลายบริษัทเลือกใช้ AI ในการคัดกรองเบื้องต้น

ซอฟต์แบงก์ ธุรกิจโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่น เปิดเผยว่าบริษัทเริ่มใช้ AI คัดเลือกผู้สมัครงานเบื้องต้นในเดือน พ.ค. 2560 ซึ่งทำให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลลดระยะเวลาในการอ่านประวัติของผู้สมัครลงไปได้ถึง 75% และทำให้พวกเขาใช้เวลาพูดคุยกับผู้สมัครผ่านเกณฑ์เบื้องต้นได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม บางบริษัทมีรอบสัมภาษณ์งานกับหุ่นยนต์ AI หรือให้ผู้สมัครอัดวิดีโอของตัวเอง เพื่อให้ AI คัดเลือก

บริษัทดิสโกคาดการณ์ว่าบริษัทใหญ่ๆ จะเริ่มใช้ AI ในการคัดผู้สมัครงานมากขึ้น เพื่อให้หาผู้สมัครที่โดดเด่นจากผู้สมัครจำนวนมาก แต่จำเป็นต้องหาวิธีว่าจะใช้ AI อย่างไรและใช้เมื่อไหร่จึงจะมีประสิทธิภาพ