เมื่อวันจันทร์ (10 ธ.ค.) ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอมมานูเอล มาครง ปรากฏตัวในการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์เป็นเวลา 15 นาที ประกาศมาตรการเศรษฐกิจหลายข้อ เพื่อถอดชนวนการประท้วงขับไล่รัฐบาล ซึ่งนำไปสู่การก่อเหตุรุงแรงอย่างต่อเนื่องตลอด 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา

มาครงกล่าวว่า ตนยอมรับว่ามีส่วนรับผิดชอบต่อวิกฤตที่เกิดขึ้น  คำพูดของตนทำร้ายความรู้สึกของประชาชน พร้อมกับประกาศมาตรการทางเศรษฐกิจชุดใหม่ เช่น ในปีหน้า ประชาชนที่ยังชีพด้วยค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งปัจจุบันได้รับค่าจ้างหลังหักภาษีเป็นเงินเดือนละ 1,185 ยูโร (44,000 บ.) จะได้รับเพิ่มอีกเดือนละ 100 ยูโร (3,700 บ.) โดยนายจ้างไม่ต้องจ่ายเพิ่ม เพราะรัฐบาลจะเป็นผู้จ่ายสมทบในส่วนนี้

ผู้ได้รับเงินบำนาญในอัตราไม่ถึง 2,000 ยูโร (75,000 บ.) จะไม่ต้องจ่ายภาษีประกันสังคมที่รัฐบาลของเขาเคยประกาศจะเรียกเก็บ ซึ่งเป็นนโยบายที่บั่นทอนคะแนนนิยมของเขาในหมู่ผู้สูงอายุ

ขณะเดียวกัน มาครงวิงวอนนายจ้างที่มีกำลังจ่าย ขอให้จ่ายโบนัสปลายปี โดยรัฐบาลจะไม่เก็บภาษีจากเงินโบนัสของลูกจ้าง นอกจากนี้ รัฐบาลจะไม่เก็บภาษีจากค่าล่วงเวลาด้วย

อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธที่จะนำมาตรการเก็บภาษีคนรวย ที่รัฐบาลของเขายกเลิก กลับมาใช้ อย่างที่ฝ่ายผู้ประท้วงเรียกร้อง และเขาบอกว่าจะเดินหน้าแผนปฏิรูปต่อไป เช่น ยกเครื่องระบบเงินบำนาญ เปลี่ยนแปลงเงินช่วยเหลือกรณีว่างงาน และลดรายจ่ายภาครัฐ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลของเขายกเลิกแผนขึ้นภาษีน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจุดชนวนการประท้วงครั้งใหญ่ทั่วประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมายังคงมีการประท้วงอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 136,000 คน