วันที่ 1 มิ.ย. 2564 มนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 ว่า รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศไว้ 6 ด้าน ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ล้มเหลวอยู่ในฝันของกลุ่มควบคุมอำนาจ โดยไม่ได้สนใจปัญหาและความเดือดร้อนของประชาชน
"งบประมาณที่ส่งเข้ามาให้สภาพิจารณาในวันนี้ไม่ได้ตอบโจทย์ความเดือดร้อนของประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะงบประมาณที่ดูแลกลุ่มเปลาะบางทางสังคม และผู้ดอยโอกาส ซึ่งในงบประมาณปี 2565 กลุ่มเปราะบางไม่ได้รับความคุ้มครองตามมาตรการการคุ้มครองทางสังคม" มนพรกล่าว
มนพรกล่าวอีกว่่า ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงการบริการทางการแพทย์อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ในสถานการณ์วิกฤติโควิดในประเทศไทยจะมีคนจนเพิ่มขึ้นถึง 11 ล้านคน และจะมีอีก 25 ล้านคนที่จะต้องตกงาน
"แรงงานในประเทศไทยมีแรงงานนอกระบบกว่า 20 ล้านคน เท่ากับครึ่งหนึ่งของแรงงานในประเทศ จึงต้องมาดูว่ามาตรการต่างๆของรัฐได้เข้าถึงทุกคนหรือไม่เพื่อให้ได้มาซึ่งงบประมาณ" มนพรกล่าว
มนพร ยังกล่าวถึงในส่วนของงบประมาณด้านสังคมสงเคราะห์ในปี 2565 ถูกตัดไปเกือบ 100,000 ล้านบาท ลดลงจากปี2564 เกือบ 20% แล้วไหนโครงการต่างๆ ที่นายกรัฐมนตรีไปสัญญากับประชาชนไว้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการมารดาประชารัฐ ตั้งครรภ์จะจ่าย 3,000 บาทต่อเดือน ถ้าค่าทำคลอด 10,000 บาท ค่าดูแลเด็ก 2,000 บาทต่อเดือนไปจนถึงอายุ 6 ปี โรงพยาบาลผู้สูงอายุที่จะต้องมีทุกอำเภอทั่วประเทศไทย
"ดังนั้นนี่เป็นเพียงแค่สัญญาลมปาก ท่านตระบัดสัตย์ประชาชน ท่านหลอกลวงประชาชนคนไทยทั้งประเทศเพียงเพื่อให้ท่านได้กลับมาอีกครั้ง" มนพรกล่าว
“ในภาวะวิกฤตเช่นนี้ การบริหารความหวังของประชาชน คือสิ่งสำคัญที่รัฐบาลได้ให้ความหวังไว้ว่าจะเอาความสุขของประชาชนกลับคืนมา 7 ปีแล้ว ภายใต้การบริหารของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านกลับมาเป็นผู้ทำลายความหวังของประชาชนคนไทยเสียเอง ประชาชนคนไทยเจ็บ เจ็บแต่ไม่จบ นั่นก็เพราะความไร้ประสิทธิภาพของนายกรัฐมนตรีที่ชื่อที่ชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านลาออกเถอะค่ะ แล้วเปิดโอกาสให้สภาแห่งนี้นายกรัฐมนตรีขึ้นมาใหม่ ดังนั้นดิฉันจึงไม่สามารถรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ65ได้ เพราะเป็นงบประมาณแบบศรีธนญชัย” มนพร กล่าว