เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา 'เมิ่งหว่านโจว' รองประธานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงิน (CFO) ของบริษัทหัวเว่ย บุตรสาวของ 'เหรินเจิ้งเฟย' ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ย บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายและอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของจีน ถูกจับกุมที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา คณะเปลี่ยนเครื่อง
รายงานข่าวระบุว่า ทางการแคนาดาเปิดเผยเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมว่า จับกุม 'เมิ่งหว่านโจว' ในฐานะตัวแทนของสหรัฐฯ โดยเมิ่งหว่านโจว ถูกออกมาจับ โดยศาลแขวงตะวันออกของนิวยอร์ค (US District Court for the Eastern District of New York) ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ในข้อหาละเมิดการคว่ำบาตรระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน
ขณะที่ บริษัทหัวเว่ย ออกมาตอบโต้ว่า การจับกุมดังกล่าวเป็นการใส่ความ เพราะรายละเอียดของข้อมูลในข้อกล่าวหามีน้อยมากและเมิ่งหว่านโจวไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใด และจะดำเนินการยื่นประกันตัวในวันจันทร์ (10 ธ.ค.) ที่จะถึงนี้
"เราจะดำเนินการยื่นขอประกันตัวในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เราเชื่อมั่นว่าระบบยุติธรรมของแคนาดาและสหรัฐฯ จะตัดสินในทางที่ถูกต้อง" บริษัทหัวเว่ยออกมาแถลง
การจับกุมผู้บริหารของบริษัทจีนครั้งนี้สร้างความไม่พอใจให้ประชาชนชาวจีนเป็นจำนวนมาก โดยหลายฝ่ายมองว่า การจับกุมตัวเมิ่งครั้งนี้ เป็นแค่เกมทางการค้าและการเมืองระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนอ่อนแอลง โดยใช้การจับกุมมาเป็นตัวประกัน
ประชาชนจีนหลายคนเข้าไปตอบโต้ในเว่ยป่อ (Weibo) สื่อสังคมออนไลน์ของแคนาดา ที่มีลักษณะคล้ายทวิตเตอร์ ว่า "ปล่อยตัวเมิ่ง"
นักวิจารณ์และคนมีชื่อเสียงบางคนมองว่าการจับกุมครั้งนี้ แท้จริงแล้วเป็นความพยายามในการขัดขาจีนในสงครามการค้า โดยมุ่งเป้าไปที่บริษัทสัญชาติจีนขนาดใหญ่และเศรษฐกิจของจีนในอนาคตที่ชัดเจนว่ามุ่งเน้นไปที่การพัฒนาด้านเทคโนโลยีเป็นหลัก ดังจะเห็นได้จากจำนวนการจดสิทธิบัตรปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่เรียกได้ว่าจีนนำโด่งแบบไม่เห็นฝุ่น
'หม่า มูฉี' บล็อกเกอร์ด้านการเงิน เตือนถึง "ม่านเหล็ก” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้งเชิงอุดมการณ์และพรมแดนกายภาพที่แบ่งยุโรปออกเป็นสองพื้นที่ พร้อมกับระบุว่า "ม่านเหล็ก” ของตะวันตกครั้งนี้ เล็งเป้าไปที่บริษัทหัวเว่ย ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี 5G
"มันไม่ใช่แค่การผลักให้เทคโนโลยี 5G ของหัวเว่ยได้รับผลกระทบ ในแก่นแท้แล้วนั้น มันเป็นการยับยั้งแผนการผลิตในจีน 2025 ด้วย" หม่า มูฉี เขียนบนเว่ยป่อ
ทั้งนี้ แผนการผลิตในจีน 2025 คือแผนแม่บทของจีนเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ที่รัฐบาลของทรัมป์มองว่าเป็นการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมกับบริษัทสัญชาติอเมริกา และการกระทำในทำนองนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ออกมาขู่คว่ำบาตร 'แซดทีอี คอร์ปอเรชัน' (ZTE Corporation) บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่และระบบโทรคมนาคมรายใหญ่อันดับ 2 ของจีน รองจากหัวเหว่ย เช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :