ลีเซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ได้กล่าวปาฐกถาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในงาน Singapore Tech Forum 2020 เมื่อ 18 พ.ย. โดยระบุว่า สิงคโปร์กำลังต้องการบุคลากรที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยีเข้ามาทำงานในประเทศมากขึ้น เพื่อหวังให้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของภูมิภาค

ตอนหนึ่ง นายกสิงคโปร์ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นแรงงานต่างชาติที่เป็นกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ เกี่ยวกับโอกาสการทำงานในสิงคโปร์ว่า บรรทัดฐานทางสังคมในสิงคโปร์ไม่เหมือนกับพื้นที่อื่นๆ ของโลก โดยยกตัวอย่างว่า แม้แต่ในสหรัฐอเมริกา ก็มีหลายเมืองที่มีทัศนคติต่อเพศทางเลือกที่แตกต่างกันออกไป อาทิ นครซาฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย มีความเสรีในประเด็นนี้มาก แต่ตรงกันข้ามกับในบางรัฐอย่างนอร์ท แคโรไลนาหรือรัฐอิลินอยส์ 

"เรามีชาว LGBTQ ในสิงคโปร์ พวกเขาใช้ชีวิตอย่างที่พวกเขาต้องการ พวกเขาเป็นสมาชิกที่มีคุณค่าของสังคม..เรายินดีต้อนรับพวกเขา และเราซาบซึ้งกับการมีส่วนร่วมของพวกเขาอย่างมาก ไม่มีเหตุผลหากว่าคุณเป็นสมาชิกของชุมชนคนหลากหลายทางเพศ คุณจะไม่เหมาะกับสิงคโปร์" 

อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกตั้งข้อสังเกตว่าในสิงคโปร์ซึ่งเป็นสังคมที่มีหลายเชื้อชาติและหลากหลายศาสนา ประเด็นการต่อต้าน LGBTQ ในสังคมสิงคโปร์ที่ยังคงมีอยู่จากกลุ่มสังคมหรือนักการเมืองหัวอนุรักษ์ ไม่ยอมให้ผ่านกฎหมายที่เกี่ยวกับ LGBTQ นั้น

ลีเซียนลุง กล่าวว่า "สิ่งเหล่านี้กำลังเปลี่ยนไป แต่เราต้องให้เวลากับพวกเขา..ผมคิดว่าเป็นการไม่ฉลาดที่จะบังคับมันให้เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ทัศนคติทางสังคมเปลี่ยนไป คนหนุ่มสาวมีความเสรีมากกว่าเมื่อเทียบกับผู้สูงอายุ"

ท่าทีของนากยกรัฐมนตรีสิงคโปร์ มีขึ้นหลังจากเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสิงคโปร์ (EDB) ประกาศแผนในการดึงดูดคนเก่งมีความสามารถสายเทคโนโลยีเข้าประเทศ มุ่งเป้าไปที่คนเก่งระหัวกะทิทั่วโลก โดยทางการสิงคโปรเตรียมเปิดตัวโครงการเทคพาส (Tech.Pass) ในเดือน ม.ค.ปีหน้า ซึ่งจะอนุมัติวีซ่าเป็นเวลา 2 ปีให้กับแรงงานไอทีระดับหัวกะทิ ตั้งเป้าดึงดูดผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จราว 500 คนเข้าประเทศ เพื่อปั้นให้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของภูมิภาคที่สามารถแข่งกับเวทีโลกได้ รวมถึงจะทำให้เกิดการจ้างงานในท้องถิ่นที่จะช่วยพัฒนาให้แรงงานสิงคโปร์กลายเป็นแรงงานทักษะสูงในอนาคต

ที่มา : bloomberg , straitstimes