แม้การกักตัวอยู่บ้านจะเป็นมาตรการป้องกันตัวเองจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา แต่บ้านก็อาจเป็นสถานที่อันตรายสำหรับบางคนเช่นเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ
สกอตต์ เบอร์โควิตซ์ ประธานเครือข่ายด้านการข่มขืน ล่วงละเมิด และการมีเพศสัมพันธ์ในเครือญาติแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ RAINN เปิดเผยว่าเด็กและเยาวชนได้แจ้งเกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่มีคำสั่งให้ประชาชนทั่วสหรัฐฯ กับตัวอยู่ในบ้าน ถือเป็นเดือนแรกที่ผู้โทรเข้าฮอตไลน์ส่วนใหญ่เป็นเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี โดยร้อยละ 67 ของจำนวนเยาวชนที่โทรแจ้งเหตุระบุว่า ผู้กระทำเป็นสมาชิกในครอบครัว และในเด็กกลุ่มนี้ร้อยละ 79 อาศัยอยู่กับผู้กระทำ
เบอร์โควิตซ์กล่าวว่า เหตุผลที่ทำให้มีเยาวชนโทรเข้าไปแจ้งเหตุมากขึ้นอาจเป็นเพราะปัจจุบัน เยาวชนจำนวนมากถูกขังอยู่ที่บ้านกับผู้กระทำ จึงไม่สามารถติดต่อครูหรือผู้ใหญ่คนอื่นที่พวกเขาพบปะทุกวันและอาจเป็นคนแรกๆ ที่มองเห็นสัญญาณการถูกล่วงละเมิด และเขามองว่า การล่วงละเมิดทางเพศเด็กจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตราบใดที่ยังมีคำสั่งให้กับตัวอยู่ในบ้าน
ที่ผ่านมา RAINN ได้ช่วยเหลือผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศประมาณ 25,000 คนทุกเดือน และในกรณีที่เป็นการล่วงละเมิดทางเพศเด็กถึงร้อยละ 93 เป็นการถูกล่วงละเมิดจากคนที่รู้จักและไว้ใจใน ขณะที่พ่อแม่และผู้ใหญ่คนอื่นๆ ในบ้านมักเป็นผู้กระทำหลัก บางกรณีเด็กคนอื่นในบ้านเช่นพี่น้องที่แก่กว่าหรือญาติก็อาจจะเป็นผู้กระทำ
ดร.แจเน็ต โรเซนซไวก์ กรรมการผู้อำนวยการสมาคมวิชาชีพเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กอเมริกันหรือ APSAC ระบุว่า 1 ใน 3 ของกรณีการล่วงละเมิดทางเพศเด็กเกิดจากเยาวชนอีกคนหนึ่ง และโอกาสในการล่วงละเมิดทางเพศเด็กโดยเด็กที่โตกว่าก็อาจเพิ่มขึ้น ในช่วงที่หลายครอบครัวจะต้องอยู่แต่ในที่พัก พ่อแม่อ่านมัวแต่ทำงาน แล้วปล่อยให้เด็กโตดูแลน้องๆ
ในปัจจุบัน คนตระหนักเกี่ยวกับเรื่องคนที่ชอบมีเพศสัมพันธ์ดับเยาวชน และเรื่องการแต่งงานเด็ก ซึ่งก็เป็นข้อมูลที่ถูกต้องในการอธิบายกรณีที่ผู้กระทำเป็นผู้ใหญ่แต่เมื่อผู้กระทำเป็นเด็กมักมีการสรุปว่าเกิดจากการถูกกระตุ้นทางเพศและการควบคุมความต้องการทางเพศที่ไม่ดี
นอกจากนี้ ในช่วงที่มีการแจ้งเหตุล่วงละเมิดทางเพศเด็กเพิ่มขึ้นองค์กรช่วยเหลือเด็กก็เจอปัญหาสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการติดต่อกับเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือ เมื่อมีการแจ้งเหตุล่วงละเมิดทางเพศเด็ก โดยปกติแล้ว เจ้าหน้าที่มักจะไปเยี่ยมบ้านและสัมภาษณ์เด็กและผู้เกี่ยวข้อง แต่วิํธีดังกล่าวทำได้น้อยลงมากในสถานการณ์ปัจจุบัน จึงทำให้หลายองค์กรทำได้เพียงให้ความช่วยเหลือด้านสภาพจิตใจ
ในพื้นที่ชนบท เด็กไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพื่อติดต่อกับเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้อง หากเด็กมีโอกาสสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตหรือโทรศัพท์ได้ส่วนใหญ่พวกเขาก็มักจะไม่มีความเป็นส่วนตัวมากพอที่จะรายงานว่าเกิดอะไรขึ้น หากพวกเขาหาจุดที่มีความเป็นส่วนตัวในการแจ้งเหตุ ช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางไปหาเด็กได้ก่อนที่ผู้กระทำจะรู้ตัวก็สั้นมาก และต่อให้สามารถช่วยเด็กออกมาได้การหาที่พักฉุกเฉินสำหรับเด็กในช่วงที่มีโรคระบาดระดับโลกก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย และขึ้นอยู่กับหน่วยงานช่วยเหลือเด็กในพื้นที่นั้นว่ายังเปิดทำการหรือไม่
โรเซนซไวก์กล่าวว่า ขณะนี้ทุกคนควรช่วยกันติดต่อเด็กๆ ที่รู้จัก โทรศํพท์หากันประมาณครึ่งชั่วโมง ก็อาจจะทำให้พ่อแม่ของเด็กได้พัก และอาจสังเกตได้ว่ามีเด็กที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่
นอกจากการล่วงละเมิดทางเพศในบ้านแล้ว ยังมีการละเมิดเด็กบนออนไลน์ในช่วงกักตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยช่วงต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา สมาคมป้องกันความโหดร้ายต่อเด็กแห่งชาติอังกฤษ เพิ่งจะออกมาเตือนว่า สมาคมฯ พบกิจกรรมออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มคนที่พยายามหาสื่อลามกเกี่ยวกับการล่วงละเมิกทางเพศเด็ก ในช่วงที่มีโควิด-19 ระบาด และบริษัทเทคโนโลยีก็ลดจำนวนคนที่เฝ้าระวังเนื้อหาเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กในช่วงวิกฤต เปิดโอกาสให้ผู้กนะทำมุ่งเป้าไปที่เด็กที่ใช้เวลาออนไลน์มากขึ้น ซึ่งมักเป็นเด็กที่เหงาและกังวลเกี่ยวกับการต้องกักตัวอยู่ในบ้าน
ที่มา : The Huffington Post, The Guardian