วันที่ 23 ก.ค. 2563 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีอนุกรรมการ ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหานางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ทุจริตโครงการฝายแม้ว 770 ล้านบาท สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปี 2551 ว่า เรื่องนี้คงต้องย้อนเวลากลับไปกว่า 12 ปี สมัยนั้นตนถูกตัดสิทธิทางการเมือง นางอนงค์วรรณ เป็นหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย และได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพย์ฯ
ส่วนสาเหตุที่มีการร้องเรียนในสมัยนั้น ตนเข้าใจว่ามีการลงชื่อร้องเรียน แต่การตรวจสอบข้อเท็จจริง คนที่ลงชื่อร้องเรียนก็ได้ยืนยันกับผู้ตรวจสอบว่าตัวเขาเองไม่ได้ลงชื่อร้องเรียน กระบวนการสอบเหมือนจงใจจะชี้นำหรือหาเหตุผลในการจับผิดให้ได้หรือไม่
การพิจารณาเรื่องนี้ยาวนานมีการเปลี่ยนอนุกรรมการหลายชุด จนตนนั้นเข้าใจว่าเรื่องนี้ได้ยุติไปแล้ว กระทั่งเวลาผ่านมาเป็น 12 ปี ป.ป.ช.เพิ่งมาแจ้งให้รับทราบว่า นางอนงค์วรรณ เกี่ยวข้อง เนื่องจากเป็นรัฐมนตรีในขณะนั้น
นายสมศักดิ์ ยังเปิดเผยอีกว่า ตนนั้นทราบมาว่าที่ผ่านมา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ และกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ตั้งกรรมการสอบสวนตรวจสอบเรื่องนี้หลายครั้ง ว่าได้ดำเนินงานจริงหรือไม่ โดยมีรูปถ่ายยืนยันพร้อมค่าพิกัดของฝายทุกตัว และเมื่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ไปตรวจสอบ ก็ได้ทำหนังสือให้กรมบัญชีกลางเข้าตรวจสอบด้วย ผลการชี้แจงของกรมบัญชีกลาง ยืนยันว่างานที่ออกมานั้นมีประสิทธิภาพ และคุ้มค่ากับการลงทุน
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่าตนได้ไปศึกษาสาเหตุของการสร้างฝายแม้วจำนวนมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ มีความลาดชันสูง จึงต้องสร้างฝายให้ถี่ เพื่อที่จะอนุรักษ์ดินและน้ำ ฝายดังกล่าวยังช่วยป้องกันไฟป่า เพราะทำให้ดินมีความชุ่มชื้นในเวลานั้นจึงไม่มีไฟป่ามาก แต่ขณะเดียวกัน ในเวลานี้ประเทศกลับถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ประชาชนต้องเป็นโรคทางเดินหายใจ ในส่วนของการออกแบบฝายเป็นไปตามหลักวิชาการกรมอุทยานฯ ที่ได้ศึกษาและกำหนดค่าพิกัดพื้นที่ไว้หลายปี และขั้นตอนการออกแบบก็มีมาก่อนที่นางอนงค์วรรณจะรับตำแหน่ง
โครงการนี้มีการผลักดันมานานแต่ไม่สำเร็จเพราะงบประมาณไม่เพียงพอ ส่วนประโยชน์ของฝายนั้นก็เพื่อดักตะกอน และชะลอการไหลของน้ำ เพื่อให้น้ำซึมลงดินเหมือนกับธนาคารน้ำใต้ดินที่เราพูดถึงกันในปัจจุบัน ซึ่งตนขอย้ำว่าพื้นที่ป่าต้นน้ำมีความสำคัญ เพราะเป็นแหล่งที่จะเติมน้ำให้กับเขื่อนต่างๆ ดังนั้น การทำฝายชะลอน้ำ ในราคาประมาณตัวละ 5,000 บาท มีอายุการใช้งาน 3-5 ปี จึงเป็นประโยชน์อย่างมาก โดยในปัจจุบันทั้งกรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ และหน่วยงานอื่น ก็ยังดำเนินการกิจกรรมนี้อยู่
"เรื่องนี้ยาวนานมาถึง 12 ปี คุณอนงค์วรรณ ไม่เคยถูกเชิญให้เข้าชี้แจงใดใดเลย และผมเชื่อว่าเวลานี้ ภรรยาของผมพร้อมที่จะไปให้ข้อมูลในวันที่ 3 สิงหาคม อย่างแน่นอน" นายสมศักดิ์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง