นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกิจกรรมวิ่งไล่ลุงทั่วประเทศเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า การที่คนไทยกว่า 40 จังหวัดในประเทศไม่เว้นแม้แต่ภาคใต้ลุกขึ้นวิ่งไล่ลุง เป็นสัญญาณบอกว่า เวลาของรัฐบาลเหลือน้อยเต็มทน ในขณะที่มีการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงในหลายประเทศทั่วโลก จำนวนประชาชนที่วิ่งไล่ลุงคือดัชนีชี้วัดว่ากระแสความนิยมของรัฐบาลลดลงต่ำ อยากสื่อสารถึงรัฐบาล อย่าสกัดกั้นประชาชน หากใครอยากวิ่งไล่ลุงก็ต้องได้วิ่ง รวมทั้งเดินเชียร์ลุงต้องได้เดิน ต้องไม่สองมาตรฐาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองต้องทำตัวเป็นกลาง ไม่ทำตัวเป็นญาติลุง รัฐไม่ควรมีเกณฑ์ปลด-ย้ายข้าราชการฝ่ายปกครอง ถ้าจังหวัดใดมีวิ่งไล่ลุงเยอะจะถูกปลด ย้าย รวมทั้งอย่าผลักคนเห็นต่างเป็นศัตรู โดยเฉพาะวันที่ 2 ก.พ.ที่จะมีวิ่งไล่ลุง จ.เชียงใหม่ ต้องยอมรับเสียงเห็นต่างของประชาชนด้วย
นายอนุสรณ์ ระบุว่า พรรคเพื่อไทยมีคณะกรรมการกิจการพิเศษดูแลอภิปรายไม่ไว้วางใจในความผิดที่สำเร็จแล้ว เช่นกรอบที่หนึ่งอภิปรายเหมืองทองอัครา กรอบที่สองจะอภิปรายไม่ไว้วางใจกลุ่มเครือข่ายใกล้ชิด 3 ป. กรอบที่สาม กลุ่มรัฐมนตรีใหม่ที่รื้อปรับเปลี่ยนให้ประเทศชาติเสียประโยชน์ กรอบที่สี่ อภิปรายการบริหารงานที่ผิดพลาด หากเปรียบเป็นมวย 12 ยก เรามั่นใจว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะอยู่ไม่เกิน 6 เดือนแรกในปีนี้ได้
ด้าน น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทยและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า อีกไม่กี่สัปดาห์พรรคเพื่อไทยจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะอภิปรายไล่ลุงด้วย โดยติดแฮชแท็กอภิปรายไล่ลุงเพื่อสานต่อการสื่อสารของประชาชนไปสู่รัฐบาลว่าไม่ได้อภิปรายโดยไม่มีมูลเหตุ แต่มาจากความไม่พอใจของภาคประชาชน ขณะเดียวกัน ประชาชนได้รับผลกระทบภัยแล้ง ระดับน้ำไม่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ไม่พอใช้ หลายหน่วยงานบอกให้ชาวนาไม่ปลูกข้าวแล้ว ทั้งนี้ ตนอยากสื่อไปถึงรัฐบาลที่ยังไม่เห็นมาตรการระยะสั้นและระยะยาว อีกทั้งวอร์รูมของรัฐบาลก็ไม่ได้มีความสามารถจัดการบริหารน้ำแต่อย่างใด รวมทั้งรัฐมนตรีหลายคนออกพื้นที่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ดูหน้างานเท่านั้น
ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากกิจกรรมวิ่งไล่ลุง จะเห็นว่ามีสัดส่วนของคนรุ่นใหม่เข้าร่วมกิจกรรมค่อนข้างเยอะ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้คนหนุ่มสาวออกมาแสดงพลังต่อต้านรัฐบาลประยุทธ์จำนวนมากขนาดนี้ น่าจะเกิดจากเงื่อนไข 3 ประการ คือ 1. ปัญหา 2 มาตรฐานในสังคมไทย เพราะคนฝ่ายรัฐบาลทำอะไรก็ไม่ผิด เช่น นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลบุกรุกป่าสงวน ก็ยังลอยนวลอยู่ได้ หรือ นักการเมืองที่ย้ายค่ายไปอยู่กับรัฐบาลหรือทำตัวเป็นงูเห่า ก็รอดคดีได้ราวกับมีปาฏิหาริย์ เป็นต้น เงื่อนไขที่ 2 คือ ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่บริหารประเทศมานาน 5-6 ปี ทำให้คนไทยยากจนและเป็นหนี้ท่วมหัวเป็นอันดีบต้นๆ ของโลก
"เงื่อนไขที่ทำให้คนรุ่นใหม่ออกมาแสดงพลังขับไล่รัฐบาล ก็เป็นเงื่อนไขเดิม ๆ ที่เคยทำให้เกิดม็อบคนเสื้อแดงในอดีต นอกจากนี้ กลุ่มคนที่สร้างเงื่อนไขสองมาตรฐานในสังคมไทยก็ยังเป็นกลุ่มคนหน้าเดิม ๆ แต่วันนี้ แต่งหน้าทาปากใหม่ แปลงร่างกลายเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล บ้างก็ใส่สูทเป็น ส.ว. บ้างก็เป็น ส.ส. เป็นต้น ดังนั้น คนเหล่านี้ก็อย่าไปสบประมาทใครว่าเป็นม็อบข้างถนน เพราะที่มาในการเข้าสู่อำนาจของพวกท่านก็คือม็อบข้างถนนที่สมคบคิดก้นแบ่งอำนาจจากรัฐบสลที่มาจากการเลือกตั้งและปูทางให้ทหารยึดอำนาจในอดีต
ในส่วนของรัฐบาล ก็ไม่ควรรับมือม็อบขับไล่รัฐบาลด้วยการจัดม็อบชนม็อบ เพราะจะยิ่งเติมไฟของความขัดแย้ง และหาก พล.อ. ประยุทธ์ ไม่อยากเห็นบ้านเมืองวุ่นวาย ก็ควรเสียสละก้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อหลีกทางในคนอื่นเข้ามาแก้ปัญหาและกอบกู้เศรษฐกิจของประเทศ บ้านเมืองจะได้เจริญขึ้นและไม่วุ่นวาย" ร.ท.หญิงสุณิสา ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง