เวลาประมาณ 16.00 น. ที่ โรงพยาบาลพระราม 9 เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เมืองระยอง เข้าแจ้งข้อกล่าวหา 5 ข้อต่อ ไมค์ - ภานุพงศ์ จาดนอก แกนนำราษฎร ที่อยู่ระหว่างรับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระราม 9
ความผิดของไมค์ ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ชูป้ายประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระหว่างปฏิบัติภารกิจที่ จ.ระยอง เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้เผยเเพร่ภาพเเละระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า เพนกวิน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้นำหมายจับมาอายัดตัวเช่นกัน แต่เพนกวินไม่ลงชื่อในเอกสารใดๆ เนื่องจากเคยแจ้งข้อหาที่ ตชด.ภาค 1 แล้ว
โดยพรุ่งนี้ตำรวจจะไปขอฝากขังต่อศาลที่ จ.ระยองและ จ.อุบลฯ โดยไม่นำตัวทั้ง 2 ที่ยังอยู่ รพ.ไป
กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่่าวเพิ่มเติมว่า ทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองระยอง ได้นำหมายจับมาแจ้งอายัดตัว ภานุพงษ์ กรณีชูป้ายประท้วงนายกรัฐมนตรี โดยมีการพิมพ์ลายนิ้วมือ ทำบันทึกการจับกุม และสอบปากคำตามขั้นตอนของกฎหมาย
แต่เนื่องจากอาการของภานุพงษ์ แพทย์ระบุยังต้องรักษาตัวอีก อย่างน้อยถึงวันที่ 6 พ.ย.นี้ จึงให้ทำการคุมตัวไว้ที่โรงพยาบาลก่อน และพรุ่งนี้ทางพนักงานสอบสวน จะนำคำร้องไปยื่นศาลจังหวัดระยอง เพื่อฝากขังต่อไป โดยไม่ต้องนำตัวภานุพงษ์ไป
ผศ.ดร.ปารีณา ศรีวนิชย์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก Pareena Toei Srivanit ใจความระบุว่า การจับและคุมขังเป็นมาตรการที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของบุคคลมากที่สุด จึงต้องระมัดระวังและเคร่งครัดการใช้อย่างที่สุด
การที่ผู้ต้องหาถูกจับและควบคุมตัวในคดีอื่น หากพนักงานสอบสวนในอีกคดี ได้ไปแจ้งข้อหาและสอบสวนผู้ต้องหาในสถานที่ที่ถูกคุมขังระหว่างการสอบสวนในคดีอื่น ย่อมถือเป็นกรณีที่ผู้ต้องหาถูกจับแล้ว เนื่องจากผู้ต้องหาตกอยู่ภายใต้การควบคุมและขาดเสรีภาพที่จะหลบหนีจากรัฐ และได้ปรากฏตัวต่อหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนั้นแล้ว
เมื่อเป็นกรณีที่ผู้ต้องหาถูกจับ หมายจับย่อมใช้ไม่ได้อีกต่อไปทันที โดยไม่จำเป็นต้องมีการถอนหมายจับ
หากเห็นว่าจำเป็นต้องควบคุมตัว ต้องไปยื่นขอหมายจับใหม่ต่อศาลอีกครั้ง เพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร
การบังคับใช้กฎหมายนั้นกระทำภายใต้หลักนิติธรรม กล่าวคือ จะถูกต้องตามกฎหมาย อย่างเดียวไม่ได้ แต่จะต้องชอบธรรม และเป็นธรรมด้วย
ภาพและข้อมูลจากทวิตเตอร์ : ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน , เฟซบุ๊ก Pareena Toei Srivanit