นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย พร้อมด้วยชาวกรุงเทพมหานครและปริมณฑลรวม 30 คน ยื่นฟ้องคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางต่อศาลปกครองกลาง พร้อมขอไต่สวนฉุกเฉินเพื่อให้ทุเลาการบังคับใช้ชั่วคราว คำสั่งขึ้นค่ารถโดยสารรถเมล์ทั้งระบบ ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 22 เมษายนนี้
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การค่าโดยสารทั้งระบบ 1-7 บาท ทำให้ประชาชนจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบ ต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในการใช้บริการเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะคนหาเช้ากินค่ำ ตลอดจนคนที่เพิ่งมีรายได้จากการทำงาน ถือเป็นการผลักภาระให้กับประชาชนเกินสมควร
ถึงแม้กระทรวงคมนาคมจะออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมติการขึ้นค่าโดยสาร นายศรีสุวรรณระบุว่า ให้กระทรวงฯ นำข้อเท็จจริงมาแถลงต่อหน้าศาลพร้อมกัน พร้อมย้ำว่า เหตุผลหลักของการขึ้นค่าโดยสารจะแปรผันตามราคาน้ำมัน แต่ปัจจุบันราคาดีเซลยังไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร จึงไม่มีปัจจัยนำไปสู่การขึ้นราคาค่าโดยสาร
ขณะเดียวกันนั้น มีนายบรรยงค์ อัมพรตระกูล ประธานชมรมรถร่วม ขสมก. มายื่นเอกสารร้องคัดค้านคำฟ้องของนายศรีสุวรรณ โดยมองว่าเป็นข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะปรับขึ้นของราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งรถร่วมไม่ได้ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง แต่ใช้แก๊สเอ็นจีวี อีกทั้งเอ็นจีวีมีราคาเพิ่มขึ้น แต่ราคาค่าโดยสารของรถร่วม อยู่ที่ 9 บาทมาตั้งแต่ปี 2549-2550 และมีรถตู้มาวิ่งอีก 5,000 คัน ใน กทม. มาวิ่งแย่งผู้โดยสาร ทำให้รถร่วม ขสมก.ได้รับผลกระทบหากไม่มีการขึ้นค่าตั๋ว
สำหรับมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกลาง อนุมัติให้ปรับขึ้นค่าโดยสารทั้งระบบ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2561 และมีผลตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2562 แต่รัฐบาลให้ชะลอไว้ก่อนเป็นเวลา 3 เดือนและมีผลครั้งใหม่วันที่ 22 เมษายนที่จะถึงนี้ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพและสนับสนุนการใช้รถสาธารณะลดปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5
สำหรับอัตราค่าโดยสารใหม่ได้แก่ รถโดยสารธรรมดา ของ ขสมก. จากเดิม 6.50 บาท ปรับเป็น 8 บาท รถโดยสารปรับอากาศครีมน้ำเงิน 10-18 บาท ตามระยะทาง ปรับเป็น 12-20 บาท รถปรับอากาศยูโรทู 11-23 บาท ตามระยะทาง ปรับเป็น 13-25 บาท รถปรับอากาศใหม่ (เอ็นจีวี) ให้คิดราคาระยะทาง 4 กิโลเมตรแรก ราคา 15 บาท ตั้งแต่กิโลเมตรที่ 4-16 ราคา 20 บาท และ 16 กิโลเมตรขึ้นไปราคา 25 บาท กรณีใช้ทางด่วน ให้กำหนดค่าทางด่วน เพิ่มจากค่าโดยสารปกติ 2 บาทต่อคนต่อเที่ยว
ขณะที่รถบริษัทขนส่งจำกัด (บขส.) และรถร่วมให้ปรับราคาขึ้นไม่เกิน 10% แบ่งเป็น 4 ช่วงประกอบด้วย 40 กิโลเมตรแรกเดิม 0.49 บาท ต่อกิโลเมตร เป็น 0.53 บาท กิโลเมตรที่ 40-100 เดิม 0.44 บาทต่อกิโลเมตร เป็น 0.48 บาท กิโลเมตรที่ 100-200 เดิม 0.40 บาทต่อกิลโมเตร เป็น 0.44 บาท และเกินกว่า 200 กิโลเมตร เดิม 0.36 บาทต่อกิโลเมตร เป็น 0.39 บาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง