คณะก้าวหน้า จัดคาราวานรถแห่หาเสียงวันสุดท้าย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดในวันพรุ่งนี้ (20 ธ.ค.) โดยจะลงพื้นที่หาเสียง 4 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดสมุทรปราการ, จังหวัดสมุทรสงคราม, จังหวัดนครปฐม และจังหวัดนนทบุรี

ในช่วงเช้าคณะก้าวหน้า นำโดยกรรมการบริหารคณะฯ พรรณิการ์ วานิช ได้ขึ้นรถแห่หาเสียงที่จังหวัดสมุทรปราการเป็นที่แรก ได้เดินทางไปตามชุมชนต่างๆ อาทิ เคหะเอื้ออาทรบางโฉลง ,เคหะเอื้ออาทรสุวรรณภูมิ 1-2 ,ตลาดนัดเรือบิน ,ซอยษมาภรณ์ ,หมู่บ้านนิลบล ,หมู่บ้านชลเทพ ,เคหะเอื้ออาทรคลองขุด เป็นต้น โดยบรรยากาศตลอดการเดินทางหาเสียง ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีพี่น้องประชาชนส่งเสียงให้กำลังใจ โบกมือทักทาย และขอจับมือ

สำหรับในช่วงบ่าย ได้ลงพื้นที่ต่อมายังจังหวัดนครปฐม นำโดยประธานคณะฯ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เลขาธิการคณะฯ ปิยบุตร แสงกนกกุล และกรรมการบริหารคณะฯ พรรณิการ์ วานิช ร่วมขึ้นรถแห่หาเสียงรอบเมืองนครปฐมชั้นใน

ธนาธร เผยว่า ตลอดการลงพื้นที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งที่ จ.นครปฐมถือเป็นช่วงสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียง จึงขอเชิญชวนชาวจังหวัดนครปฐม ให้มาใช้สิทธิ เพราะถือว่าเป็นการเลือกผู้นำใหม่ หลังจากถูกผูกขาดทางการเมืองมานาน ทำให้คนใหม่ๆ กลัวที่จะเข้ามาแข่งขัน จึงไม่มีการพัฒนาทำให้จังหวัดหยุดนิ่ง

"ขอโอกาสให้คณะก้าวหน้าเข้าไปขับเคลื่อนจังหวัดนครปฐม และนครปฐมต้องไม่ใช่สมบัติของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง" ธนาธรกล่าว

ส่วนภาพรวมแคมเปญรณรงค์หาเสียง ธนาธรคาดหวังว่า กระทรวงมหาดไทย กกต. จะรณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจถึงการมีบัตร 2 ใบ ซึ่งส่วนตัวรู้สึกว่าภาครัฐยังทำความเข้าใจไม่มากพอ

ขณะที่ ในวันเลือกตั้งที่ถูกจัดในช่วงที่ไม่ใช่วันหยุดยาว และไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า จะส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียงหรือไม่ นายธนาธร ระบุว่า กกต.จะทำอะไรก็ไม่ต้องรับผิดชอบหรือชี้แจงต่อสังคมอยู่แล้ว เพราะ กกต.ไม่ได้มาจากประชาชน

ทั้งนี้ ในวันพรุ่งการเลือกตั้ง ที่ จ.นครปฐมในวันพรุ่งนี้ จะเป็นการเลือกผู้แทนจากฝ่ายเผด็จการ และฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งจะเป็นการส่งเสียงว่า จ.นครปฐม ไม่เอาเผด็จการ พร้อมคาดหวังการเปลี่ยนแปลงการเมืองท้องถิ่น หลังไม่มีการเลือกตั้งมากว่า 10 ปี ว่า การเข้ามาทำการเมืองท้องถิ่นของจะทำให้มีสีสัน และทำให้คนกลับมาตระหนักถึงการเลือกตั้งท้องถิ่น

ธนาธร ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่กลัวคือการซื้อสิทธิซื้อเสียง ซึ่งตนไม่เชื่อว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้การเมืองดี และทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็งได้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวนี้ จะตั้งใจเข้ามาทำเพื่อพี่น้องประชาชนจริงๆ ดังนั้นคณะก้าวหน้ายังคงยืนยันจะทำงานแบบเดิม เหมือนครั้งพรรคอนาคตคงอยู่ คือจะไม่ซื้อสิทธิซื้อเสียง

"1 สิทธิ 1 เสียงของท่าน ถ้าท่านขายสิทธิ เขาซื้อเสียงท่าน ท่านไม่ได้ขายแค่สิทธิของท่าน ท่านได้ขายอนาคตของลูกหลานท่านไปด้วย" ธนาธรกล่าว

ส่วนเรื่องของการทุจริตการเลือกตั้ง มีกรณีตัวอย่างที่ จ.นครปฐมแห่งนี้ ที่มีการนับคะแนนใหม่ในเขต 1 หลังจากการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 จนทำให้ผู้สมัครจากพรรคอนาคตใหม่แพ้ผู้ชนะไปเพียง 4 คะแนน ตนจึงอยากเชิญชวนประชาชนทุกคน หลังจากลงคะแนนแล้ว ให้ร่วมกันจับตากระบวนการนับคะแนน เพื่อปกป้องสิทธิเสียงของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ขณะที่การลงพื้นที่พบว่ามีกลุ่มผู้สมัครจากฝ่ายคู่แข่ง ได้รณรงค์หาเสียงในจุดเดียวกันอย่างเข้มข้น และมีบางช่วงที่มีการส่งเสียงดัง ก่อนที่คณะก้าวหน้าจะเดินทางออกจากพื้นที่เพื่อไปรณรงค์ต่อยังจังหวัดนนทบุรี