ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (12 ม.ค. 2563) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะมีการเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติเลื่อนใช้สิทธิในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในแพ็คเกจการช่วยเหลือเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นผู้เสนอจากผลกระทบโควิด-19 ระบาดรอบใหม่ รายละเอียดเบื้องต้น คือ

ผู้ที่จองสิทธิในโครงการเราเที่ยวด้วยกันแล้วจะต้องติดต่อกับโรงแรม/ที่พักโดยตรง โดยให้สิทธิเฉพาะผู้ที่จองสิทธิที่พักตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2563 เป็นต้นไปเท่านั้น โดยจะอนุญาตให้เลื่อนการเข้าพักออกไปได้ถึงวันที่ 30 เม.ย. 2564 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดโครงการเดิม แต่ต้องอยู่ภายใตเงื่อนไขการเข้าพักเดิม เช่น ราคา จำนวนวัน หรือ ประเภทห้อง เป็นต้น

ส่วนการสลับช่วงเวลาที่มีผลต่อราคาห้องในแต่ละซีซั่นให้ตกลงกับทางโรงแรมเอง โดยไม่จำกัดจำนวนผู้ได้รับสิทธิการเลื่อน คาดว่าจะสามารถปรับแก้ระบบกับธนาคารกรุงไทยได้แล้วเสร็จในเดือน ม.ค. 2564 และเริ่มดำเนินการผ่านระบบได้ในเดือน ก.พ. แต่ระหว่างนี้ให้ผู้ใช้สิทธิดำเนินกับทางโรงแรมด้วยตนเองไปก่อน 

สำหรับล่าสุดข้อมูล ณ วันที่ 9 ม.ค. 2564 โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ยังเหลือสิทธิการจองห้องพักในโครงการ 664,540 สิทธิ และสิทธิเที่ยวบิน 1,485,438 ที่นั่ง ซึ่งทั้งหมดจะมีการขยายระยะเวลาเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่วนโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋า เบื้องต้นยังอยู่ในขั้นตอนการหารือกับ สศช. คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงเดือน เม ย.นี้ ก่อนเสนอต่อที่ประชุม ครม.ต่อไป

เอกชนเสนอ ‘เที่ยวเพื่อชาติ’ แบบเดียวกับ ‘คนละครึ่ง’

อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวเป็นกังวลอย่างมาก เนื่องจากไม่ได้เตรียมการล่วงหน้าซึ่งไม่ทันตั้งตัว และเงินทุนสำรองใช้หมดตั้งแต่โควิด-19 ระบาดรอบแรก หากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้จะยิ่งส่งผลกระทบอย่างหนัก ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินตัวเลขความเสียหายได้ทั้งหมด ดังนั้นความต้องการเร่งด่วน คือ มาตรการเยียวยาจากทางภาครัฐ เพราะหากปล่อยไว้นานจะยิ่งทำให้แรงงานตกงานอีกจำนวนมาก

ทั้งนี้ได้เสนอให้รัฐบาลพิจารณาโครงการ ‘เที่ยวเพื่อชาติ’ โดยใช้โมเดลโครงการ ‘คนละครึ่ง’ โดยประชาชนจ่ายครึ่งและรัฐจ่ายครึ่งสำหรับการใช้จ่ายในภาคการท่องเที่ยวทั้งหมด ทั้งค่าที่พัก อาหาร รายการนำเที่ยว และอื่นๆ โดยให้สิทธิคนละไม่เกิน 3,000 บาท จำนวน 2 ล้านสิทธิ จะใช้งบประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถใช้เงินงบประมาณวงเงินกู้ที่ยังเหลืออยู่ได้ เชื่อว่าจะทำให้เกิดกระแสการท่องเที่ยว เกิดการเดินทางได้ง่าย และเร็วขึ้น

ขณะที่การหารือมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อภาคการท่องเที่ยว ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและภาคเอกชนวันนี้ (11 ม.ค. 2564) ผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวยังได้มีการเสนอแนวทางช่วยเหลืออื่นๆเพิ่มเติม เช่น มาตรการการหยุดพักชำระหนี้ การขยายระยะเวลายื่นภาษีปี 2563 รวมถึงการลดค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ประกอบการโรงแรมลง 15% เป็นต้น