พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานทหารกองบิน 21 อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เมื่อเวลา 13.10 น.วันที่ 9 ก.ย. และเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ ไปยังจุดจอด ฮ.สวนสาธารณะพญาแถน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ยโสธร ก่อนเดินทางด้วยรถทรานส์ฟอร์เมอร์ หมายเลขทะเบียน 7 กบ. 5125 กรุงเทพมหานคร เพื่อไปเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยที่วัดกลางศรีไตรภูมิ ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อ.เมือง จ.ยโสธร โดยระหว่างทางนายกฯ ได้นั่งรถตรวจสภาพปัญหาในพื้นที่ประสบอุทกภัยริมแม่น้ำชีและแม่น้ำยัง ที่ไหลมาบรรจบกัน ซึ่งมีน้ำเอ่อล้นขึ้นมาบนผิวถนน
จากนั้นนายกฯ ได้พบปะประชาชนที่มาต้อนรับกว่า 200 คน โดยมีนายนิกร สุกใส ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ให้การต้อนรับและกล่าวรายงานทันทีที่มาถึง นายกฯ ได้ทักทายกับหน่วยแพทย์ที่มาดูแลประชาชน พร้อมให้กำลังใจว่า "เหนื่อยหน่อยนะ มีภัยแบบนี้ก็ต้องช่วยกัน"
ย้ำในหลวง - พระราชินีทรงห่วงใยประชาชน
จากนั้นนายกฯ กล่าวกับประชาชนว่า ตนได้นำรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่มาด้วยเพื่อให้ทุกคนสบายใจว่า รัฐบาลไม่ทอดทิ้งทุกคน และสิ่งแรกที่มาวันนี้อยากนำความของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินี ที่ทรงเป็นห่วงประชาชนและฝากความห่วงใยมากับรัฐบาล ผ่านโครงการต่างๆ ของทุกพระองค์
อย่างไรก็ตาม วันนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 32 จังหวัด ซึ่งรัฐบาลต้องดูแลคนทุกจังหวัด ไม่ได้ทำให้พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งรัก ตนไม่ใช่คนแบบนั้น วันนี้ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องน้ำ ซึ่งการทำระบบชลประทานไม่สามารถทำได้ทุกพื้นที่ เพราะแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน ขณะเดียวกันเราเคยเจอเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปี 2554 มาแล้ว วันนี้ก็ต้องมีกำลังใจ ซึ่งทุกคนย่อมได้รับความเดือดร้อนแน่นอน เพราะฝนตกมากกว่าปกติ
แนะทำเกษตรผสมสาน - ย้ำเยียวยาค่าเสียหายต้องทำตามกฎหมายการเงิน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในเรื่องการทำนาตนจะไปบังคับใครไม่ได้ แต่หากทำแบบเดิมต่อไปก็จะมีปัญหาแบบเดิมและทำให้เสียงบประมาณ จึงขอให้บางส่วนลองทำเกษตรแบบผสมผสาน เพื่อให้มีน้ำเพียงพอในการทำการเกษตร สำหรับการเยียวยายืนยันว่ารัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือตามกฎหมายและกฎระเบียบของกระทรวงการคลัง ซึ่งตรงนี้จะเป็นพื้นฐานที่ผู้ได้รับความเสียหายจะได้รับการเยียวยา รวมถึงค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและเงินเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งทราบว่าขณะนี้มีผู้เสียชีวิต 23 คน ตนขอแสดงความเสียใจ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าสามารถช่วยเหลือได้มากกว่านี้ โดยให้ไปหามาตรการที่เหมาะสมที่เป็นไปตามกฎหมายและ พ.ร.บ.การเงินการคลัง ไม่ใช่ใครพูดว่าจะให้ได้เลยเพราะผิดกฎหมาย จึงต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้ตนไปติดคุก แต่เงินต้องใช้ให้ถูกด้วย ยืนยันการให้ประชาชนตนไม่ได้หวงอะไรเลย แต่ต้องทำให้ถูกต้อง และใครที่บอกว่าทำง่ายๆ ก็อย่าไปเชื่อ ถ้าทำง่ายจริงคงทำกันมานานแล้ว แต่ตนจะทำให้เร็วกว่าเดิม
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ต้องการมาดูด้วยตาตัวเองว่าเป็นไปตามสิ่งที่รายงานขึ้นไปหรือไม่ และขอให้ทุกคนซื่อสัตย์ต่อกันในการไปสำรวจว่าได้รับความเสียหายอย่างไร เพราะทุกคนจะได้ทั้งหมดไม่ได้ เพราะเงินจะไม่พอไปช่วยพื้นที่อื่น ทั้งนี้ 5 ปีที่ผ่านมาตนมาอีสานหลายครั้ง และได้อนุมัติหลายโครงการในการประชุม ครม.สัญจร แต่เวลาทำอะไรต้องมีการศึกษาและสอบถามประชาชน ซึ่งบางครั้งประชาชนไม่ยอมก็เป็นปัญหาว่ารัฐบาลจะทำอย่างไร แต่หากจำเป็นก็จะมีมาตรการเยียวยา ไม่ได้หมายความว่าจะไปไล่ที่ใคร
บ่นแก้ รธน.ทำยุ่ง ลั่นขอเดินหน้าทำงาน
"ในส่วนโครงการต่างๆนั้น งบประมาณปี 2563 ก็เพียงพอจะจ่ายให้ได้ และในส่วนของ 6 โครงการที่จังหวัดได้เสนอมาก็ให้ สนทช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาว่าทำได้หรือไม่ได้อย่างไร เพื่อให้ทัน ม.ค. ปี 2563 เพราะเราช้ามาแล้ว เนื่องจากมีการเลือกตั้งและกำลังจะมีเรื่องแก้รัฐธรรมนูญอะไรกันอีกแล้ว ทำให้ยุ่งไปหมดก็ช่างเขา แต่ผมก็ทำงานของผมไป ใครที่ไม่ทำก็ช่างเขา แต่ใครไม่อยากให้ทำต่อในโครงการต่างๆ บ้าง ที่พูด ไม่ใช่ให้ผมอยู่ต่อ และที่ผ่านมาเราทำมาเยอะแล้ว ทั้งโครงการแก้ภัยแล้งและน้ำท่วม"นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า นายกฯ เนรมิตให้ใครไม่ได้ แต่ยืนยันจะทำให้ด้วยความร่วมมือระหว่างเรา และฝากสาธารณสุขให้ดูแลในเรื่องน้ำกัดเท้าและสัตว์มีพิษ รวมถึงโรคหวัด ซึ่งนายกฯ ห่วงพวกเราทุกวันทุกคืน อยู่กรุงเทพฯ ตนก็ไม่ได้สบาย เพราะก่อนหน้านี้ฝนไม่ตกก็ต้องสวดมนต์ให้ฝนตก วันนี้ก็ต้องสวดมนต์ให้ฝนหยุดตกอีกแล้ว
ก่อนที่นายกรัฐมนตรี และ ครม.ได้มอบถุงยังชีพให้กับตัวแทนผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดยโสธร ทั้งนี้ตลอดการพูดคุยกับชาวบ้าน นายกรัฐมนตรี พยายามพูดคุยด้วยภาษาอีสาน แต่ไม่ค่อยมีเสียงตอบรับ นายกรัฐมนตรี จึงพูดว่า "ตกลงฉันพูดอีสานไม่รู้เรื่องหรอจ๊ะ ขอโทษทีย้ายไปนานแล้ว เกิดโคราชแต่ย้ายไปนานแล้ว"
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้กราบนมัสการ พระครูใบฎีกา ชินาธิปสุรปัญโญ เจ้าอาวาสวัดกลางศรีไตรภูมิ โดยเจ้าอาวาสได้มอบพระพุทธรูปอุปคุตปางจกบาตร ให้แก่นายกฯ ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายระหว่างนายกฯ กำลังพบกับประชาชน ฝนได้ตกลงมาโปรยปราย
เยี่ยมน้ำท่วม จ.อุบลฯ ปลอบขวัญชาวบ้านเสียสละทำพื้นที่เก็บกักน้ำ
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมและ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย จ.อุบลราชธานี
โดยนายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาอุทกภัยของเทศบาล อ.เขื่องใน จ. อุบลราชธานี พร้อมกล่าวว่า ตนเป็นห่วงทุกจังหวัดทั้ง 32 จังหวัด อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของอากาศเช่นนี้ได้อย่างไร ส่วนการซ่อมแซมถนนนั้น คงต้องรอเมื่อน้ำลด ยังซ่อมแซมถาวรไม่ได้ ตอนนี้ก็ทำให้สามารถใช้การได้ไปพลางก่อน วันนี้แม้จะมาปลอบขวัญทุกคนไม่ได้มากนัก แต่ก็ลงพื้นที่มาดูเพื่อพิจารณาว่าจะช่วยเหลืออะไรได้เพิ่มขึ้นหรือไม่
ยืนยันว่า รัฐบาลบังคับใครไม่ได้ ต้องดูให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่เราอยู่ การเกษตรเดือดร้อนทุกประเทศ รัฐบาลต้องวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วนจะแก้ปัญหาด้วยวิธีการใด ต้องช่วยเหลือเยียวยาประกอบกับการสร้างความเข้มแข็ง จะให้เงินอย่างเดียวไม่ได้ แต่จะไม่ให้เงินเลยก็ไม่ได้ รัฐบาลพยายามใช้เม็ดเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด รัฐบาลมีนโยบายเพิ่มพื้นที่ชลประทาน โดยต้องดูความเชื่อมโยงว่าเขื่อนและอ่างเก็บน้ำที่มีอยู่จะกักเก็บน้ำได้อย่างไร ดังนั้น ต้องมองถึงการระบายน้ำและนำน้ำที่ระบายไปกักเก็บน้ำไว้ที่ใดที่หนึ่งเพื่อใช้ในฤดูแล้ง จึงต้องขอความร่วมมือในการเสียสละ แต่ไม่ให้ทุกคนเสียสละโดยเปล่าๆอยู่แล้ว
ไม่ห้ามปลูกข้าว แต่ต้องหาอาชีพในพื้นที่ซ้ำซาก
ส่วนการทำการเกษตร ย้ำว่า ต้องให้ความสำคัญกับสารเคมี เพราะทั่วโลกให้ความสำคัญเรื่องนี้ โดยตระหนักว่า ผู้บริโภคต้องมีความปลอดภัยในมาตรฐานสากลของโลก และการค้าของไทยผูกพันกับทั่วโลก รัฐบาลก็เดินหน้าเจรจาการค้าหาตลาดเพิ่มเติม พร้อมยืนยัน ตนไม่ได้ห้ามปลูกข้าว แต่ต้องคิดว่า เราจะอยู่อย่างไร หากเสียหายซ้ำซากในพื้นที่ที่ซ้ำซาก ก็ต้องมาคิดกันว่า ต้องหาอาชีพใหม่หรือไม่
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ทุกคนต้องรักกัน และรัฐบาลผนึกรวมให้แต่ละภูมิภาคค้าขายในผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างกัน ขอให้ทุกคนมั่นใจว่า รัฐบาลในทุกพรรคการเมืองจะช่วยกัน อะไรที่เป็นประโยชน์แล้วทำได้ก็จะทำ จะไม่ยอมให้อะไรขัดขวางการพัฒนาประเทศ คนกำลังเดือดร้อน น้ำกำลังท่วม มีอะไรสำคัญกว่านี้หรือไม่ ตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ตนไม่เคยบังคับใคร
หยอดคนอุบลฯ รักนายกฯบ้างไหม ไม่รักไม่เป็นไร
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ขณะนี้ต้องคำนึงว่า ทำอย่างไรคนถึงจะไม่ซื้อน้ำกิน ต้องรู้จักวิธีการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน เพื่อให้พออยู่ได้ มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อยตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ขอฝากว่า ต้องหาวิธีการกักเก็บน้ำ เพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะเข้าสู่ฤดูแล้งแล้ว เมื่อสักครู่เห็นสภาพน้ำท่วมจากบนเฮลิคอปเตอร์แล้วก็ใจหายเหมือนกัน ทำให้นึกถึงน้ำท่วมเมื่อปี 2554 แต่เดี๋ยวน้ำก็ลด แต่ขออย่าทิ้งไปหมดไว้เผื่อหน้าแล้ง ไม่เช่นนั้นจะต้องขอฝนกันใหม่ ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
นายกรัฐมนตรี ยังทิ้งท้ายด้วยการถามว่า “เราต้องฟังคนที่พูดความจริงใช่หรือไม่ เราต้องไม่ทะเลาะกันใช่หรือไม่ พอแล้วไหม มีใครอยากฟังเพลงหรือไม่ อุบลรักนายกบ้างหรือเปล่า ไม่รักก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงฉันก็รักเธออยู่แล้ว ขอบคุณนะจ๊ะ ไปแต่ตัว ฝากหัวใจไว้ที่นี่ รักทุกคนนะจ๊ะ” ซึ่งได้สร้างเสียงหัวเราะได้จากผู้ประสบอุทกภัยได้
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้มอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบอุทกภัยใน จ. อุบลราชธานี ก่อนจะตรวจสถานการณ์ระดับน้ำท่วม พูดคุยกับผู้ประสบอุทกภัย เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆที่คอยให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจ.อุบลราชธานี แล้วจึงเดินทางกลับถึงกรุงเทพมหานครในเวลาต่อมา