ไม่พบผลการค้นหา
สหรัฐฯ ตั้งกรรมการสอบ 'TikTok' หลังสตาร์ทอัพจีนเข้าซื้อบริษัทโซเชียลมีเดียสัญชาติอเมริกัน ห่วงประเด็นความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งาน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯได้ตั้งกรรมการสอบ 'ไบต์แดนซ์' (ByteDance) หลังสตาร์ทอัพสัญชาติจีนเข้าซื้อกิจการ 'มิวสิคคอลลี' (Musical.ly) แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียสัญชาติอเมริกันด้วยมูลค่าถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 30,100 ล้านบาท 

แม้การควบรวมกิจการมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทจะเกิดขึ้นตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว แต่ทีมนักกฎหมายของสหรัฐฯ เพิ่งเรียกตรวจสอบไบต์แดนซ์เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแสดงความกังวลว่า บริษัทจีนอาจปิดบังข้อมูลด้านการเมืองที่อ่อนไหว รวมถึงเก็บรวบรวมข้อมูลผู้ใช้งานอย่างผิดกฎหมาย

แหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อกล่าวกับรอยเตอร์ว่า ตอนที่มีการทำธุรกรรมควบรวมกิจการ 'ไบต์แดนซ์' ไม่ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลกับคณะกรรมการการลงทุนต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ (CFIUS) ซึ่งเป็นการเปิดช่องว่างให้สหรัฐฯ อ้างเหตุผลดังกล่าวในการตรวจสอบครั้งนี้

นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อน 'ชัค ชูเมอร์' ผู้นำวุฒิสมาชิกเสียงข้างน้อย และ 'ทอม คัททอน' วุฒิสมาชิกคนหนึ่ง ยังไดัส่งจดหมายเปิดผนึกถึง 'โจเซฟ แมกไกวร์' ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติ แสดงความกังวลต่อแอปพลิเคชันแชร์วิดีโอที่อาจรวบรวมข้อมูลผู้ใช้งานในทางที่ผิดกฎหมาย ทั้งยังชี้ว่า 'TikTok' หนึ่งในผลิตภัณฑ์ยอดนิยมของบริษัทไบต์แดนซ์ อาจกลายเป็นเครื่องมือที่ต่างชาติใช้ในแคมเปญต่างๆ ได้ 

ความรุ่งโรจน์ของ 'ไบต์แดนซ์' 

ปัจจุบัน แอปพลิเคชัน 'TikTok' เป็นที่นิยมอย่างมากให้หมู่วัยรุ่นชาวอเมริกัน โดยไบต์แดนซ์แถลงเมื่อไม่นานมานี้ว่า แต่ละเดือนมีผู้ใช้งาน TikTok ถึง 26.5 ล้านคนในสหรัฐฯ โดยอยู่ในช่วงอายุ 16 - 24 ปีเป็นส่วนมาก ขณะเดียวกันแอปพลิเคชันก็มีผู้ใช้งานรวมสูงถึง 1,500 ล้านบัญชีต่อเดือน หรือคิดเป็นการเข้าใช้งานรวม 700 ล้านบัญชีต่อวัน

'ไบต์แดนซ์' ถือเป็นสตาร์ทอัพสัญชาติจีนที่เติบโตได้รวดเร็วที่สุด ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จากญี่ปุ่นอย่าง 'SoftBank' บริษัทร่วมทุนอย่าง 'Sequoia Capital' บริษัทเอกชนนอกตลดหลักทรัพย์รายใหญ่อย่าง 'KKR', 'General Atlantic' และ 'Hillhouse Capital Group '

บริษัทรายงานว่ารายได้ในครึ่งปีแรกของปี 2562 มากกว่าที่ประเมินไว้ และเม็ดเงินทะลุเกิน 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 211,000 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนหน้าบริษัทมีรายได้ราว 78,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท 

อ้างอิง; CNBC, Reuters

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: