นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยผ่าน facebook live จากหอประชุมหมู่บ้าน ต.สามตำบล อ.จุฬาภรณ์ เรื่องปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในภาคใต้ว่า จากการลงพื้นที่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ได้รับการบอกกล่าวและร้องทุกข์จากพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางพาราเป็นจำนวนมาก ถึงสถานการณ์ราคายางพาราตกต่ำดิ่งลงเรื่อยๆ สร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะพี่น้องเกษตรกร มีรายได้เลี้ยงครอบครัวจากการขายยางพาราเพียงอย่างเดียว
เมื่อราคายางพาราตกต่ำก็กระทบต่อรายได้ของครอบครัว ที่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน การส่งเสียบุตรหลานเรียนหนังสือ ค่าผ่อนรถยนต์ และดอกเบี้ยเงินกู้ของ ธกส. ล้วนแล้วแต่มีความจำเป็นทั้งสิ้น ซึ่งในขณะนี้ราคายางพาราในท้องตลาดราคา กก.ละ 30-35บาท และมีแนวโน้มจะตกต่ำลงเรื่อยๆ แม้ว่านโยบายของรัฐบาลในการประกันรายได้เกษตรกรได้ประกาศใช้แล้วก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรเฉพาะหน้า ไม่ทั่วถึงกับเกษตรกรทุกคนเหมือนราคาทั่วไปในท้องตลาด
ทำให้ชาวสวนยางพาราทุกคนหวนระลึกถึงยุครัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี 2553 ที่ราคายางพาราสูงถึง กก.ละ 180-200บาท ซึ่งโอกาสอย่างนั้นคงไม่มีให้เห็นอีกแล้ว แต่ชาวสวนยางก็คาดหวังเพียงให้ราคายางพารา กก.ละ 60 บาท เท่ากับราคาประกันรายได้เกษตรกรในตอนนี้ เพื่อรัฐบาลจะได้ไม่ต้องแบกภาระส่วนต่างจากราคาประกันรายได้ของเกษตรกร ซึ่งเป็นภาระด้านงบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลจำนวนมาก
สำหรับนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ในจำนวนพืชหลัก 5 ชนิด คือ ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ยางพารา และปาล์มน้ำมันนั้น รัฐบาลได้แก้ปัญหารายได้ให้กับเกษตรกรทุกอาชีพได้ระดับหนึ่ง ยกเว้นเกษตรกรชาวสวนยางพาราเท่านั้น ส่วนเกษตรกรชาวสวนปาล์ม รัฐบาลประกันรายได้ราคาปาล์มน้ำมัน 18% ราคา กก.ละ 4 บาท แต่ขณะนี้ราคาปาล์มน้ำมันขยับสูงขึ้นเป็น กก.ละ 6.50 บาท สูงกว่าราคาประกันรายได้เกษตรกรของรัฐบาลแล้ว ทำให้รัฐบาลไม่ต้องชดเชยส่วนต่างใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับราคายางพาราที่ตกต่ำลงเรื่อยๆ ในขณะนี้ นับว่าเป็นความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส
"ผมจะนำปัญหาราคายางพาราตกต่ำ เข้าหารือในที่ประชุม ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ในวันอังคารที่ 7 มกราคมนี้ก่อน เพื่อสอบถามปัญหา และแนวทางแก้ไขจากรัฐมนตรีของพรรค ทั้งกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นเบื้องต้น ก่อนที่พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางพาราจะนัดชุมนุมเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลต่อไป จึงขอให้พี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางพาราใจเย็นอีกนิด รอฟังแนวทางแก้ไขปัญหาของรัฐบาลก่อน ผมในฐานะ ส.ส.คนหนึ่งจะไม่นิ่งดูดาย จะทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้กับพี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน"
ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตำหนิผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า ไม่ได้เสนอแนวทางแก้ไขด้วยนั้น ตนขอเสนอแนวทางแก้ไขให้รัฐบาลด้วย คือขอเสนอให้จัดงบประมาณปีละ 1 แสนล้าน รับซื้อน้ำยางพารา เพื่อนำไปทำถนนลาดยางในชนบท แก้ปัญหาถนนลูกรังทั่วประเทศ ซึ่งมีระยะทางประมาณ 8-9 แสนกิโลเมตร เป็นการลงทุนปรับโครงสร้างพื้นฐานของคนในชนบทครั้งใหญ่ คุ้มค่าแก่การลงทุน จะได้รับประโยชน์หลายในด้าน เช่น 1.เป็นการล้างสต็อกยางทั้งหมด ทำให้ราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้น
2.คนในชนบทจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีถนนปลอดฝุ่นใช้สัญจรไปมาในหมู่บ้าน
3.การขนส่งผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาด ได้คล่องตัว สะดวกสบาย ประหยัดค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก
ถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์ รับข้อเสนอ สามารถแก้ไขปัญหาราคายางพารา ได้มากกว่าโครงการทำหมอนยางพาราประชารัฐ 30 ล้านใบ แจกให้กับประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นเพียงนโยบายประชานิยมแบบเดิมๆ เท่านั้น
อ่านเพิ่มเติม