ต่างประเทศ
ผลสำรวจชี้ 'มิลเลนเนียล-เจน Z' พิจารณา 'ค่าเลี้ยงดู' ก่อนตัดสินใจเรื่องลูก
ผลสำรวจของ GenForward และ Next100 ที่สำรวจกลุ่มประชากรยุคมิลเลนเนียลและกลุ่มเจน Z ที่อยู่ในช่วงอายุ 18-36 ปีในสหรัฐอเมริกา กว่า 3,250 รายชี้ว่า ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประชากรทั้งสองกลุ่มนี้ตัดสินใจมีหรือไม่มีลูก
ในผลสำรวจระบุว่า 81 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มมิลเลนเนียลและเจน Z เชื่อว่า การเลี้ยงดูเด็กต้องสามารถเข้าถึงการเลี้ยงดูที่ได้มาตรฐานสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการเลี้ยงลูก และต้องการการเลี้ยงดูเด็กในสังคมที่เปิดกว้างต่อความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ เพศ และทัศนคติในด้านต่างๆ ได้
ผลสำรวจยังระบุว่า การตัดสินใจมีลูกของกลุ่มคนมิลเลนเนียลและเจน Z นั้นจะคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูกเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งกว่าครึ่งนั้นระบุว่า สาเหตุที่ไม่มีลูก เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กเป็นปัจจัยสำคัญต่อการตัดสินใจ
นอกจากนี้ยังพบว่าคนกลุ่มมิลเลนเนียลให้ความสำคัญเรื่องของค่าใช้จ่ายการเลี้ยงดูเด็กมากกว่าค่าใช้จ่ายหรือเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่งที่สร้างหนี้ให้กับกลุ่มมิลเลนเนียลและเจน Z และยังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กว่า 73 เปอร์เซ็นต์ของประชากรสองกลุ่มนี้ตัดสินใจ 'ไม่มีลูก' เช่นกัน
'ลีวาย โบฮานาน' ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายของ Next100 กล่าวว่า ท่ามกลางความตึงเครียดทางเศรษฐกิจ เงินกู้ยืมด้านการศึกษาที่สูงขึ้นและค่าเช่าบ้านที่เพิ่มขึ้น แต่มิลเลนเนียลและเจน Z กลับเข้าใจและให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและคุณภาพของการเลี้ยงดูลูกที่ต้องมีมาตรฐานสูง
เมื่อพูดถึงประชากรกลุ่มมิลเลนเนียลและเจน Z ที่มีลูกแล้ว ผลสำรวจบ่งชี้ว่า 72 เปอร์เซ็นต์ของคนกลุ่มนี้กล่าวว่า การขาดระบบอุดหนุนด้านการดูแลเด็กในสังคมอเมริกัน เป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าทางอาชีพการงานของผู้ปกครองเด็กที่เป็นคนยุคมิลเลนเนียลและเจน Z
ผลสรุปของการสำรวจในครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า คนรุ่นใหม่จำนวนมากให้ความสำคัญในเรื่องของการวางแผนครอบครัว โดยเฉพาะการตัดสินใจจะมีลูกหรือไม่มีลูก รวมถึงระบบที่จะมาช่วยอุดหนุนหรือประคับประคองให้พ่อแม่สามารถเลี้ยงดูลูกได้อย่างปลอดภัย ได้คุณภาพ เพราะกลุ่มมิลเลนเนียลและกลุ่มเจน Z เป็นกลุ่มที่เข้าใจถึงความสำคัญของการเลี้ยงดูเด็กว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับครอบครัวสมัยใหม่
โบฮานานกล่าวสรุปว่า “การขาดแคลนการลงทุนด้านการดูแลเด็กของรัฐนั้นมีส่วนลดทอนความสามารถในการสร้างครอบครัวและการเริ่มต้นอาชีพการงานของคนรุ่นใหม่”
ที่มา CNBC
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
