นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลออกพระราชกำหนดกู้เงิน 1 ล้านล้าน เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม การใช้งบประมาณที่กู้มาอย่างเข้มข้น เพราะการนำเงินที่กู้มาใช้ในการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน เกรงว่าจะซ้ำซ้อนกับงบประมาณประจำปี 2563 ที่มีการพิจารณาไปแล้ว อีกทั้งไม่มีรายละเอียดว่าจะไปใช้ในโครงการใด เชื่อว่าจะมีการนำเงินที่กู้มาไปหาเสียงให้กับพรรคร่วมรัฐบาล สร้างความเหลื่อมล้ำ และไม่เป็นธรรมกับประชาชน

ทั้งนี้ เกรงว่าเงินกู้จะถูกนำไปใช้ในโครงการที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน และกังวลว่าจะมีการหาผลประโยชน์กับงบประมาณนี้ ทั้งที่รัฐควรจะใช้เงินกู้ก้อนนี้สร้างประโยชน์โดยสอบถามความต้องการของประชาชนก่อน ไม่ควรบังคับให้รับโครงการที่รัฐจัดสรรมา เพราะหลายโครงการไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในพื้นที่ และสิ้นเปลืองงบประมาณด้วย รัฐบาลควรสำรวจความคิดเห็นประชาชน อย่างจริงจังอย่านั่งแต่ในห้องแอร์ แล้วคิดโครงการต่างๆโดยอ้างว่าทำเพื่อประชาชน แต่ประชาชนไม่มีส่วนร่วมในการเสนอ

นายประเสริฐ กล่าวด้วยว่า รัฐควรนำเม็ดเงินไปลงทุนในการแก้ไขปัญหาทั้งเศรษฐกิจและภัยแล้งให้กับประชาชน จะเกิดประโยชน์มากกว่า นอกจากนี้รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณบางส่วนใน 4 แสนล้าน ช่วยเหลือธุรกิจรากหญ้าอย่างจริงจัง และทั่วถึงเป็นธรรม เพราะผู้ประกอบการธุรกิจหลายธุรกิจ ประสบปัญหาจากการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นการซ้ำเติมความทุกข์ให้กับประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย ส่งผลให้ไม่สามารถทำมาหากินได้

“รัฐไม่เคยช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงจัง แม้แต่การหาอุปกรณ์ในการปกป้องชีวิตประชาชนจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 รัฐยังโยนภาระให้ประชาชนหาเอง การต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นการซ้ำเติมความทุกข์ให้กับประชาชน เพราะนอกจากออกไปทำมาหากินไม่ได้แล้ว ผู้ประกอบการหลายธุรกิจต้องปิดร้านยาวนาน มาตรการรัฐกำลังทำลายธุรกิจรากหญ้า แต่รัฐกลับไม่เคยพูดถึงการช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ให้ความสำคัญของธุรกิจรากหญ้าหรืออย่างไร ”นายประเสริฐ กล่าว