ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำกลุ่ม นปช. เดินทางมาที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ตามที่ศาลได้นัดพร้อมจำเลยในคดีที่ พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง วีระกานต์ มุสิกพงศ์, จตุพร พรหมพันธุ์, ณัฐวุฒิ และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. กับพวกรวม13 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมชุมนุมขับไล่รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่บริเวณสะพานชมัยมยุรเชษฐ์ ทำเนียบรัฐบาล ปี 2552
โดยคดีนี้ณัฐวุฒิบอกว่าศาลได้นัดพร้อมคู่ความเพื่อมากำหนดไว้ไต่สวนคดีต่อจากเดิม ที่พักการไต่สวนไปในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และจำเลยหลายคนทำคำร้องเพื่อขอพิจารณาคดีลับหลัง จึงไม่ต้องมาศาล แต่ณัฐวุฒิเดินทางมาเองทุกนัด ซึ่งหลังจากนี้ทนายความก็จะนัดวันเพื่อเริ่มทำการไต่สวนทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยต่อ
ส่วนกรณีการชุมนุมของจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ที่เมื่อวานนี้ มีการชุมนุมในนามกลุ่มสามัคคีประชาชน เพื่อขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั้น ณัฐวุฒิ บอกว่า ตนเองเคารพในทุกการเคลื่อนไหวและการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ถือว่า เป็นเรื่องทีผู้รักประชาธิปไตยเรียกร้องมาตลอด และทราบว่าจะประกาศชุมนุมต่อเนื่องก็คงต้องติดตาม
ทั้งนี้ณัฐวุฒิมีข้อสังเกตุปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานว่า มีการรวมตัวของแกนนำทุกฝ่ายทุกข้าง และผู้รักประชาธิปไตย และเป็นการรวมตัวของการเป้าหมายเฉพาะหน้า คือขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ก็ยังไม่เห็นเป้าหมายของการร่วมอุดมการณ์ หากจะคาดหวังเอาเร็วก็คงลำบาก ต้องดูพัฒนาการว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการหลอมรวมในอุดมการณ์ได้มากน้อยแค่ไหนทั้งนี้ตนมองได้ 2 แบบ คือเป้าหมายเฉพาะหน้า อาจจะเป็นการชุมนุมขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว เพราะมีเป้าหมายชัดเจน หรืออีกแบบคือ เมื่อเดินไปข้างหน้าแล้ว อาจมีความแตกต่างทางอุดมการณ์ อาจทำให้ความเคลื่อนไหวก้าวได้ไม่เร็วนัก
ส่วนจะไปร่วมชุมนุมหรือไม่นั้น ณัฐวุฒิ ระบุว่า ก็ยังได้ตัดสินใจ จะดูสถานการณ์ด้านอื่นๆรวมไปด้วย เพราะเวทีนี้เป็นเวทีใหม่ และกลุ่มของนักศึกษาก็ยังคงขับเคลื่อนอยู่ ก็ต้องดูว่าปรากฎการณ์ 2 ส่วนนี้ จะมีการพัฒนาอย่างไร ทั้งนี้ยังมองว่าแม้เวทีเมื่อคืนจะมีเป้าหมายชัดในการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งตนก็ไม่ขัดข้อง และมองว่าจุดที่จะรวมกันได้ อีกอย่างของประชาธิปไตยคือการเรียกร้องอิสรภาพให้กับนักศึกษาและเยาวชน รวมถึงบุคคลที่กำลังจะถูกดำเนินคดีทางการเมือง
ส่วนจะมีโอกาสไปร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มนักศึกษาหรือไม่นั้น ก็ต้องติดตามสถานการณ์เช่นกัน เพราะตนเคยเคลื่อนไหวมาเป็น10 ปี และพึ่งพ้นโทษแต่ละก้าวเดินต้องก็รอบคอบรัดกุม โดยขอให้เวลา และสถานการณ์เป็นตัวกำหนด
ณัฐวุฒิ ยังบอกถึงกรณีที่นายจตุพร จะมอบตำแหน่งประธาน นปช.ให้หากไปร่วมกับชุมนุมเคชื่อนไหวกับกลุ่มนักศึกษานี้น มองว่าตำแหน่งไม่ได้สำคัญ และการต่อสู้ทางการเมืองไม่ได้อยู่ที่ว่าใครมีตำแหน่งไหน แต่อยู่ที่ว่าจะเดินไปทิศทางใด เพื่อพิสูจน์ให้ประชาชนเกิดความความเชื่อมั่น เพราะประชาธิปไตยมีเวลาให้พิสูจน์ตัวตนของแต่ละคนได้ตลอดทาง ส่วนวันครบรอบสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช. 19 พ.ค. 2553 นั้น ยืนยันว่ากำลังกำหนดรูปแบบการจัดอยู่ และไม่สามารถลืมเลือนได้เหตุการณ์ครั้งนั้นได้
อ่านเพิ่มเติม