นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการวิสามัญพิจารณาติดตาม ตรวจสอบ การใช้เงินตามพระราชกำหนด 3 ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่เรากำลังประสบอยู่ในไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นมาพร้อมกับมาตรการต่อสู้โควิด-19 ของรัฐบาล เพราะเริ่มมีเค้าลางมาตั้งแต่ก่อนโควิด-19 อยู่นานพอสมควร แต่การใช้ มาตรการสู้โควิด-19 ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ไม่รัดกุม ไม่ใส่ใจ ทำให้มาตรการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนเป็นไปอย่างล่าช้า ไม่ทั่วถึง และไม่เข้าใจผู้ที่ได้รับผลกระทบ
"ซ้ำร้ายกว่านั้น โครงการเงินเยียวยา 5 พันบาท “เราไม่ทิ้งกัน” งวดสุดท้ายกำลังจะหมดลงสิ้นเดือนนี้ แต่ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนยังคงอยู่ เนื่องจากหลายภาคส่วนยังไม่สามารถทำมาหากินดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ และสิ่งเหล่านี้เองจะทำให้สภาพปัญหาหลังเดือน มิ.ย. ยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ทั้งหมดทั้งปวงนี้แสดงให้เห็นถึงสติปัญญาของรัฐบาลในการแก้วิกฤตประเทศที่เป็นเชิงรับ ไม่มีแผนชัดเจน และไร้ซึ่งวิสัยทัศน์" นายพิธา ระบุ
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า หากใครติดตามรายละเอียดงบฟื้นฟูประเทศในส่วนเงินกู้ 4 แสนล้านบาท และแผนงบประมาณประจำปี 2564 ที่มีมูลค่า 3.3 ล้านล้านบาท จะเห็นได้เลยว่าการฟื้นฟูและพลิกประเทศกลับมาให้ดีกว่าเดิมนั้นคงจะไกลเกินความเป็นจริงไปมาก เพราะรายละเอียดการทำงบประมาณปี 2564 ยังคงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนประเทศไม่ได้มีวิกฤต หรืองบฟื้นฟู 4 แสนล้านก็มีแต่โครงการยิบๆ ย่อยๆ ซ้ำกับโครงการปกติที่ทำอยู่แล้ว ไม่ได้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่เราควรวาง เช่น การแก้วิกฤตและการพลิกฟื้นประเทศให้กลับมาเป็นประเทศที่ก้าวหน้ามีศักยภาพในการแข่งขันในเวทีโลก
"เราไม่เพียงแค่ตรวจสอบการใช้งบให้มีประสิทธิภาพ และ ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชันเท่านั้น แต่เราต้องตรวจสอบมาตรการ ที่ออกมาของรัฐบาลด้วยว่าสมเหตุสมผล และทำให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์สูงสุด รวมถึงจะพลิกฟื้นประเทศได้สำเร็จหรือไม่ โปรดติดตามการทำงานของ กมธ.โควิด และการประชุมสภาวาระที่ 1 ร่าง พ.ร.บ.งบประจำปี 2564 ตั้งแต่วันพุธที่ 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไป พรรคก้าวไกล จะทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรให้ดีที่สุด สมกับที่ประชาชนให้ความไว้วางใจเข้าไปทำหน้าที่นี้" นายพิธา ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง