สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้กล่าวในตอนหนึ่งของการแสดงความคิดเห็นท่ามกลางที่ประชุมของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยชี้ว่า จีนจำเป็นต้องปรับปรุงวิธีการสื่อสารของประเทศต่อคนทั่วโลก เพื่อโน้มน้าวให้ผู้คนทั่วโลกมองเห็นว่ารัฐบาลจีนรวมถึงพรรคคอมมิวนิสต์มุ่งมั่นเพื่อความสุขของพลเมืองจีนทั้งมวล
คำกล่าวของ 'สี' ในฐานะเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ มีขึ้นท่ามกลางความโดดเดี่ยวของจีนที่เพิ่มขึ้นในประชาคมโลก หลังเผชิญการระบาดของโควิด-19 ซึ่งกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ ทั้งยังรวมถึงความตึงเครียดที่เกิดขึ้นจากท่าทีและการสื่อสารระหว่างประเทศของรัฐบาลปักกิ่ง
ผู้นำจีนกล่าวว่า จีนต้องปรับภาพลักษณ์ของประเทศให้ดูน่าเชื่อถือ น่าเคารพนับถือ ต้องผูกมิตรและขยายวงมิตรอย่างกว้างขวางกับประเทศที่เข้าใจและมีท่าทีเป็นมิตรกับจีนอย่างต่อเนื่อง จีนต้อง "ระมัดระวังโทนเสียงที่ใช้ในการสื่อสารกับโลก ต้องเปิดใจและมั่นใจขณะเดียวกันก็ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนด้วย"
"จีนจำเป็นต้องปรับปรุงวิธีการบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองต่อโลก และโน้มน้าวให้ผู้คนมองว่ารัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์ทำงานอย่างหนักเพื่อความสุขของพลเมืองจีนทั้งมวล" สีจิ้นผิง กล่าว
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มักมีท่าทีตอบโต้กับรัฐบาลปักกิ่งในลักษณะสงครามน้ำลาย โดยเฉพาะแง่ผลประโยชน์ด้านการค้า ซึ่งเป็นวิธีที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการทูตแบบนักรบหมาป่า (Wolf Warrior diplomacy) ที่ตอบโต้กลับอย่างดุเดือด ประกอบการการเกิดระบาดใหญ่ของโควิด-19 ยิ่งทำให้ความน่าเชื่อถือของจีนในเวทีโลกถดถอยลง
หวังอี้เหวย อดีตนักการทูตจีนและผู้อำนวยการสถาบันกิจการต่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยเหรินหมิน มองว่า การที่จีนใช้การทูตแบบดุเดือดตอบโต้ชาติตะวันตกที่มองว่าจีนเป็นภัยคุกคามนั้น กลับยิ่งทำให้เกิดความไม่พอใจทั้งในและนอกประเทศ ประกอบภาพลักษณ์ของจีนในสายตาตะวันตกก็แย่ลงนับตั้งแต่โคโรนาไวรัสระบาด จีนจะเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ในการปรับภาพลักษณ์ของประเทศและรัฐบาล
ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของจีนและสหรัฐฯ รวมถึงชาติพันธมิตรอย่าง แคนาดา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย ย่ำแย่ลง ด้วยเหตุผลที่จีนมักใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการค้า หรือการขับไล่สื่อต่างชาติ หากรัฐบาลประเทศนั้นหรือสื่อสำนักนั้นๆ มีท่าทีไม่เป็นมิตรต่อรัฐบาลปักกิ่ง
มาร์กาเร็ต เลอวิส ศาสตราจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านจีนศึกษาจากสถาบันกฎหมาย Seton Hall ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ มองว่า คณะปกครองของจีนพิจารณาเรื่องโทนเสียงต่อนานาชาติมานานแล้ว โดยพวกเขาพยายามอย่างมากที่จะสร้างความน่าเชื่อถือผ่านการโฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อของรัฐอย่างสถานีโทรทัศน์ CTGN ซึ่งเป็นสื่อที่ออกอากาศในหลายประเทศ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้จีนประสบความสำเร็จเท่าที่ควรนักเนื่องจากกรณีสิทธิมนุษยชนที่ยังคงเป็น 'ชนักติดหลัง' รัฐบาลปักกิ่งอยู่ เธอมองว่าแทนที่ปักกิ่งจะใช้การปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเอง จีนควรเปิดกว้าง โปร่งใส่ ตรวจสอบและเข้าถึงได้มากกว่า
อนึ่ง จากผลการสำรวจโดยศูนย์วิจัย Pew เมื่อปลายปีที่แล้วพบว่าพลเมืองในกว่า 14 ประเทศ โดยเฉพาะในยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชียตะวันออก มีมุมมองรัฐบาลจีนและชาวจีนในแง่ลบ
ที่มา: TheGaurdian , Timeofindia , Xinhua