คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย และนายชัยเกษม นิติสิริ คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ย่านเยาวราชพบปะพี่น้องประชาชน ก่อนวันจ่าย หรือ ตื่อเส็ก ซึ่งถือเป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีน จะต้องไปหาซื้ออาหาร ผลไม้ เครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ มาเตรียมพร้อมไว้ ก่อนที่ร้านค้าต่าง ๆ จะหยุดยาวในช่วงวันตรุษจีน
คุณหญิงสุดารัตน์และคณะเลือกเดินทางโดยใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน จากสถานีเพชรบุรี จนถึงสถานีหัวลำโพง ภายในขบวนรถไฟฟ้าใต้ดิน คุณหญิงสุดารัตน์ นายชัชชาติและนายชัยเกษม ได้พูดคุย กับประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งมีประชาชนขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกจำนวนมาก
จากนั้นคณะเปลี่ยนมานั่งรถสามล้อ เพื่อเดินทางต่อมายังเยาวราช ตลอดเส้นทางได้ทักทาย พ่อค้าแม่ค้า ประชาชน แวะเยี่ยมตามห้างร้านต่างๆ เชิญชวนพี่น้องประชาชนให้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย เข้ามาแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง
ในเขตเลือกตั้งที่ 1 ประกอบด้วยพื้นที่ สัมพันธวงศ์ พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย ดุสิต ยกเว้นแขวงถนนนครไชยศรี พรรคเพื่อไทยส่ง นางสาวลีลาวดี วัชโรบล ลงสมัครรับเลือกตั้ง
คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่าวันนี้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่พร้อมกันทั้งสามคน เป็นการยืนยันถึงความเป็นมามืออาชีพ การทำงานเป็นทีมและมีบุคลากรที่มีคุณภาพในทุกพื้นที่ ซึ่งจะมาแบกรับภาระที่เป็นทุกข์ของประชาชน
สำหรับพรรคเพื่อไทยแม้จะส่งผู้สมัคร ส.ส.เพียง 250 เขต แต่มั่นใจว่าจะได้ที่ 1 ซึ่งเป็นเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ผ่านการคำนวณแล้ว และเหตุที่ต้องส่งผู้สมัครเพียง 250 เขต เพราะความจำเป็นที่ถูกบีบด้วยกติกาที่บิดเบี้ยว สมาชิกพรรคเพื่อไทยถึงต้องหาทางเลือกใหม่ให้กับตนเอง พร้อมยืนยันว่าการที่พรรคเพื่อไทยไม่ส่งครบทั้ง 350 เขตไม่ใช่การฮั้ว
คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุเพิ่มเติมว่า ไม่สามารถตอบได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ลาออก จะส่งผลต่อบรรยากาศการเลือกตั้งหรือไม่ แต่เห็นว่ารัฐบาลที่ผ่านมา เป็นรูปแบบรัฐบาลรักษาการ ไม่มีอำนาจพิเศษในการใช้งบประมาณ ซึ่งเข้าไปมีผลต่อคะแนนเสียงในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นเรื่องของจิตสำนึก
ทั้งนี้ เห็นว่าในฐานะผู้ปกครองประเทศ ควรฟังให้มาก และอย่ามองประชาชนเป็นพลทหาร ขอให้มองประชาชนเป็นเจ้านาย
นายชัยเกษม นิติสิริ คณะทำงาน ด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย ระบุว่า การทำงานของนายกรัฐมนตรีได้เปรียบเสียเปรียบพรรคการเมืองอื่นหรือไม่เป็นเรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้ว
และแปลกใจว่าในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปประชุมที่กองทัพบก ก่อนการรัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์ ถาม ตัวแทนของพรรคเพื่อไทย ว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนายชัยเกษม ปฏิเสธที่จะลาออก สุดท้ายพลเอกประยุทธ์สั่งให้มีการรัฐประหาร แต่เมื่อถึงเวลาของ พล.อ.ประยุทธ์เอง กลับไม่ลาออก จึงขอให้สังคมคิดและพิจารณาในเรื่องดังกล่าว
นายชัยเกษมระบุด้วยว่า จากนี้จะมีข้อสังเกตไปที่ พล.อ.ประยุทธ์และพรรคการเมืองที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ว่าได้ใช้อำนาจเพื่อเอื้อประโยชน์หรือไม่ ซึ่งสงสัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะทนต่อการตั้งคำถามเหล่านี้ได้หรือไม่
อดีตรัฐมนตรียุติธรรม เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องถูกกีดกันและถูกกดดันจากกลุ่มที่ต้องการต่อท่ออำนาจ จึงขอให้ประชาชนช่วยกันจับตาในสิ่งที่รัฐบาลทำ และเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งอย่างเป็นธรรม ไม่เช่นนั้นอาจทำให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นถูกมองว่ามีการโกงตลอดเวลา และจนถึงเวลานี้ก็ยังมีความกังวลในเรื่องดังกล่าว เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้มีอำนาจได้แต่งตั้งบุคคลต่างๆ ให้เข้าไปควบคุมกติกา
นายชัยเกษม มองว่ากรณี ที่พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันว่าจะไม่ลาออก อีกมุมหนึ่งถือเป็นเรื่องลบกับฝ่ายผู้มีอำนาจ เพราะจะทำให้ประชาชนมองเห็นความอยุติธรรมมากขึ้น
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจพอเพียงไทย ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม ว่านายกรัฐมนตรีควรจะลาออกหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของจิตสำนึก ตามที่คุณหญิงสุดารัตน์ได้ระบุ