ไม่พบผลการค้นหา
ประธานชวน-ศุภชัย เปิดทางบรรจุญัติ วิปฝ่ายค้านยื่นอภิปรายบี้ 'ประยุทธ์' ปมถวายสัตย์ คาดบรรจุภายในเดือนกันยายน หลังประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน

นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ที่ปรึกษานายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา152 กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญว่า เรื่องดังกล่าวนายชวนและนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้หารือกันแล้วเห็นว่า จำเป็นต้องบรรจุญัตติดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุม ไม่บรรจุไม่ได้ เพราะเป็นการเสนอมาอย่างถูกต้องตามขั้นตอน

"แต่คงบรรจุไม่ทันภายในเดือนส.ค.นี้ เนื่องจากช่วงปลายเดือนส.ค.ติดการประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งนายชวนบอกว่า 10ปี ประเทศไทยจะวนมาเป็นเจ้าภาพสักครั้ง จึงต้องให้ความสำคัญ ดังนั้นคงจะบรรจุญัตติอภิปรายทั่วไปได้ในเดือน ก.ย. ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานครม. ฝ่าย รัฐบาล และฝ่ายค้าน เรื่องเวลาที่จะเปิดอภิปรายทั่วไป เพราะครม.ต้องมีความพร้อมมาตอบ เพราะมีเรื่องเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรีที่จำเป็นต้องมาตอบด้วยตัวเอง เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพล.อ.ประยุทธ์โดยตรง" นพ.สุกิจ กล่าว

นพ.สุกิจกล่าวว่า เรื่องนี้จะบรรจุเป็นเรื่องเร่งด่วน ไม่ต้องเป็นต่อญัตติใดๆ จะบรรจุเป็นวาระพิเศษ นัดประชุมในวันอื่น ที่ไม่ใช่วันพุธและวัพฤหัสบดีที่เป็นวันประชุมสภาผู้แทนราษฎร คาดว่าน่าจะเปิดอภิปรายได้ในเดือนก.ย. ส่วนข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่จะนำมาใช้ในการเปิดอภิปรายทั่วไปครั้งนี้ หากข้อบังคับการประชุมสภาฯฉบับใหม่ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ จะอนุโลมใช้ข้อบังคับการประชุมสภาฯปี2551ไปก่อน

นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการพิจารณาญัตติต่างๆ ได้พิจารณาญัตติที่ฝ่ายค้านเสนอขออภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 แล้ว เห็นว่าญัตติดังกล่าวเสนอมาอย่างถูกต้อง มีรายชื่อครบถ้วน จึงอนุญาตให้บรรจุญัตติดังกล่าวเข้าสู่วาระเรียบร้อยแล้ว แต่เรื่องวันเวลาจะเปิดอภิปรายได้เมื่อใดขึ้นอยู่กับนายชวน จะพิจารณา

นายศุภชัย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานกับฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านถึงความพร้อมเรื่องวันเวลาในการเปิดอภิปราย แต่ดูแนวโน้มแล้วหากจะให้เปิดอภิปรายทั่วไปภายในเดือนส.ค.คงไปเป็นได้ลำบาก เพราะช่วงระหว่างวันที่ 25-30 ส.ค.นี้ ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน มีผู้นำรัฐสภาจาก 10 ประเทศในอาเซียน และตัวแทนประเทศผู้สังเกตการณ์ รวมแล้วกว่า 20 ประเทศ ที่จะมาร่วมประชุมถือเป็นงานหน้าตาของประเทศ ที่ประธานและรองประธานสภาฯ และประธานและรองประธานวุสภาต้องเข้าร่วมประชุมและร่วมรับแขก จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

"การที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ระบุว่า การประชุมรัฐสภาอาเซียนไม่ใช่อุปสรรคต่อการเปิดอภิปรายทั่วไปนั้น จึงไม่เป็นความจริง เพราะประธานสภาฯ จะเอาเวลาใดมาเป็นประธานคุมการเปิดอภิปรายทั่วไป ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์ก็รู้ดี อย่ามาพูดตีกินว่าไม่มีผลกระทบ" นายศุภชัย กล่าว

ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยว่า หลังจากที่พรรคอนาคตใหม่และพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ตั้งกระทู้ถามสดกรณีพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ไปแล้ว2สัปดาห์ แต่พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้มาตอบ พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงมีมติใช้ช่องทางตามมาตรา 152 ในการยื่นอภิปรายทั่วไป โดยจะไม่มีการตั้งกระทู้ถามในการประชุมสภาอีก เพราะหากมีการตั้งอีกนายกรัฐมนตรีก็จะติดภาระกิจและไม่เดินทางมาตอบอีกเช่นเคย 

อย่างไรก็ตาม หวังว่านายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภา ซึ่งเป็นผู้พิจารณาญัตติ และจะบรรจุญัตติให้แล้วเสร็จ เพราะหลังจากมีการยื่นญัตติจะต้องมีการตอบกลับมาภายใน 7 วัน ซึ่งคาดว่าอย่างช้าที่สุดจะถูกบรรจุในสัปดาห์หน้า และไม่มีเหตุผลที่จะบรรจุไม่ทันก่อนปิดสมัยประชุมสภา ในวันที่18. ก.ย.อีกทั้งมองว่ากำหนดการประชุมรัฐสภาอาเซียน ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่25-30ส.ค.นี้จะไม่อุปสรรคต่อการบรรจุญัตติ เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีและฝ่ายรัฐบาล ออกมาระบุว่าสมควร รอให้ผู้จัดการแผ่นดินส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความก่อน

นายปิยะบุตรระบุว่า เป็นการใช้อำนาจคนละส่วน ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่หากนายกรัฐมนตรีมาตอบ และชี้แจงในสภาจะดีกว่าการรอขั้นตอนของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะจะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหา อีกทั้งการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ใช้เวลานานและไม่สามารถคาดเดาได้ ซึ่งหากศาลพิจาณาแล้วว่ามีความผิดจริงการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีชุดนี้จะถือว่าเป็นโมฆะทั้งหมด. จึงเห็นว่าควรแก้ปัญหาในรัฐสภาเพื่อให้ปัญหาจบเร็วที่สุด 

ส่วนการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยืนยันว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะเดินหน้าทำต่อ โดยเป็นตัวกลางในการริเริ่ม ให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) และเปิดให้ภาคประชาสังคมมีส่วนร่วม และยินดีหากพรรครัฐบาลจะมาร่วมด้วย พร้อมชี้แจงว่าการแก้ปัญหาปากท้องสามารถ ทำไปพร้อมกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้

ส่วนกระแสข่าวที่รัฐบาลพยายามจะดึงคนไปสนับสนุนเสียงปริมน้ำ ที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ นายปิยะบุตรยืนยันว่า ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ไม่มีการแตกแถว และมั่นใจว่าสมาชิกพรรคทุกคนอยู่ด้วยอุดมการณ์ ส่วนที่พรรคการเมืองอื่นมีการจินตนาการว่า พรรคอนาคตใหม่โดนยุบ และเตรียมดึงส.ส.ของพรรคไป นั้นเรื่องนี้ต้องสู้กันต่ออีกหลายยก ซึ่งคดี ของนายธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ขณะนี้ได้มีการยื่นเอกสารไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งศาลนัดพิจารณาอีกครั้งในวันที่27 สิงหาคมนี้ โดยนายธนาธรไม่จำเป็นต้องเดินทางไปด้วยตนเองและคาดว่าวินิจฉัยในช่วงเดือนกันยายน