นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยดำเนินการติดตั้งเครื่องบริการไปรษณีย์อัตโนมัติ หรือตู้เอพีเอ็ม ใน 8 ท่าอากาศยานทั่วประเทศ ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ, ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่, ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช, ท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี, ท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี, ท่าอากาศยานขอนแก่น, ท่าอากาศยานแม่สอด, และท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชธานี

ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารที่เดินทางโดยอากาศยานและมีสิ่งของที่ไม่สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ เช่น ของเหลว เจล สเปรย์ ที่มีขนาดเกิน 100 มิลลิลิตร และรวมกันสูงสุดไม่เกินคนละ 1,000 มิลลิลิตร ตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยกำหนด ให้สามารถส่งกลับบ้านหรือไปยังปลายทางพื้นที่ต่างๆ ได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ในอัตราค่าบริการแบบเหมาจ่ายในราคา 50 บาทต่อชิ้น ส่วนปลายทางต่างประเทศในทวีปเอเชีย 400 บาท ทวีปยุโรปแอฟริกากลุ่มโอเชียเนียและโซนอเมริกาค่าบริการ 450 บาท 

ซึ่งไปรษณีย์ไทยมีแผนในการติดตั้งตู้เอพีเอ็มท่าอากาศยานทุกแห่งทั่วประเทศภายในปี 2563 โดยสิ่งของที่สามารถฝากส่งผ่านตู้เอพีเอ็มต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 500 กรัมและไม่ใช่สิ่งของต้องห้ามฝากส่งทางไปรษณีย์ อาทิ วัตถุมีคมที่มีหรือไม่มีเครื่องหุ้มห่อป้องกัน วัตถุระเบิด สิ่งมีชีวิต วัตถุอัดก๊าซ และวัตถุไวไฟ ซึ่งผู้ใช้บริการจะต้องกรอกหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือหมายเลขหนังสือเดินทางเพื่อยืนยันตัวตนก่อนฝากส่งด้วย