ไม่พบผลการค้นหา
23 พ.ย.2564 รายการ CARE Talk x CARE ClubHouse จัดพูดคุยเป็นครั้งที่ 21 กับ 'พี่โทนี่' ว่าด้วยเรื่อง 'โควิดก็ยุ่งเหยิง เศรษฐกิจก็รุ่งริ่ง ถามจริง! เผด็จการเขาแก้ปัญหาแบบนี้เหรอ'

โทนี่เริ่มต้นด้วยการเล่ามาตรการที่ใช้กับนักท่องเที่ยวในยุโรปว่า ได้มีโอกาสเดินทางเข้าทางสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งจะขอผลตรวจ PCR และต้องฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็มในระยะเวลาเกิน 14 วัน จากนั้นเดินทางต่อไปฝรั่งเศสซึ่งเป็นประเทศเชงเกนด้วยกันจึงไม่ตรวจอะไร แต่ปรากฏว่าเวลาเข้าร้านอาหาร มีการตรวจด้วยว่ามีวัคซีน 2 เข็มหรือยังและต้องมีผล PCR ที่เป็นคิวอาร์โคดจึงจะเข้าร้านอาหารได้ บนถนนไม่ใส่หน้ากากกัน แต่ในโรงแรม ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าต้องใส่ เมื่อเข้าเยอรมนีไม่มีการตรวจอะไร แต่เมื่อจะทานอาหารต้องตรวจก่อน แม้ฉีดไฟเซอร์ครบ 2 เข็มแต่ถ้าไม่ครบ 14 วันก็เข้าไม่ได้ เคร่งครัดมาก ส่วนการฉีดซิโนแวค ซิโนฟาร์มนั้นไม่เป็นที่ยอมรับ โดยสรุป ในประเทศที่บริหารได้ถูกต้อง สิ่งที่เรียกว่า ICE จะชัดเจนมาก

  • Inclusiveness รวมทุกส่วนเข้ามาแก้ปัญหา
  • collaborative ขอความร่วมมือ
  • empowerment ให้ความรู้ถึงกติกาการอยู่ร่วม และการป้องกัน

โทนี่กล่าวว่า ปัญหาการระบาดอีกระลอกในยุโรป เป็นเพราะมีคนไม่ฉีดวัคซีนเยอะหลายสิบเปอร์เซ็นต์เนื่องจากมีการปล่อยข่าวลือผลร้ายของวัคซีน และคนที่ฉีดวัคซีนครบนานแล้วไม่ได้ตรวจภูมิซึ่งลดลงไปมากหลังจากเกิน 6 เดือน ต้องรับบูสเตอร์ช็อต 

"วันนี้หลายประเทศที่กำลังจะล็อคดาวน์ใหม่ ผมว่าคิดผิดมากกว่าคิดถูก เราเห็นตัวอย่างจากสวีเดน UAE ต้องเอาคนส่วนใหญ่ไว้เพราะเขาต้องทำมาหากิน หัวใจสำคัญคือ วัคซีนต้องเร่งและจูงใจให้มีการฉีดวัคซีน และเข็มที่ 3 ที่จะเพิ่มภูมิขอให้ใช้ mRNA และทำโดยเร็ว ทุกคนจะได้ไม่ต้องกังวล ทำมาหากินกันต่อไป"

สำหรับในประเทศไทย เป็นเรื่องต้องขบคิดให้ดีว่าการที่รัฐบาลจะสั่งล็อคดาวน์อีกรอบนั้นถูกต้องหรือเปล่า ที่เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ ประท้วงกันหนักเพราะล็อคดาวน์ไปนานมาก จะล็อคอีกครั้งคนรับกันไม่ไหว 

"ผมพูดแล้วพูดอีก สวีเดน ไม่เคยล็อกดาวน์เลย อัตราติดเชื้อและอัตราการตายก็พอๆ กับค่าเฉลี่ยในยุโรป และ UAE เป็นเมืองที่เปิดมาก เปิดมานานแล้วด้วยหลังล็อคดาวน์ทำความสะอาดบ้านมาก่อน พวกนี้ ICE ชัดเจนมาก มีการสุ่มตรวจเข้มงวด เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเต็มที่ ลงเครื่องมามีผลตรวจ PCR ภายใน 72 ชั่วโมงก็เข้าได้เลย แต่ถ้ามาจากประเทศเสี่ยงให้ตรวจอีกทีที่สนามบิน ตรวจเสร็จแล้วไปได้เลย ถ้าบวกเขาจะเรียกมาเข้า รพ. เพราะระบบคอมพิวเตอร์เขาดี เก็บข้อมูลทุกอย่าง ตอนนี้ใครก็มาเที่ยวดูไบโดยไม่ต้องกักตัว วันนี้สิงคโปร์เปิดแล้วและมาตรการเคร่งครัดมาก หลังจากล็อคดาวน์หลายรอบ วันนี้ไม่ไหวก็เปิด UAE เข้าได้แล้ว แต่คนไทยเข้ายังโดนกัก 14 วันอยู่ กระทรวงการต่างประเทศต้องไปเจรจาว่าเพราะอะไร ไม่ต้องไปพม่า ไปที่นี่แทน ทำไมไม่ให้ผมเข้าวะ ทำไมให้คนอื่นเข้า ติดเชื้อก็สูสีนะ หรือผู้นำติดยศพลเอก ก็ต้องดูว่าทำไมไม่ให้เข้า" โทนี่กล่าว 

โทนี่กล่าวถึงสถานการณ์ในไทยว่า เราคุมได้ดีขึ้น แม้จะตรวจไม่เต็มที่แต่ก็โปร่งใส แต่เรื่องท่องเที่ยวไม่สำเร็จเท่าที่ควร คนมาน้อย เป็นเพราะ 1.ทัวร์จีนไม่มาเนื่องจากโดนกักตัว 14 วันที่โรงแรม กลับบ้านโดนกักอีก 7 วัน 2. ไทยแลนด์พาสใช้เวลานานกว่าจะได้ แต่เดี๋ยวนี้คล่องแล้ว อันนี้แก้ปัญหาได้ดี 3.กักโรงแรม 24 ชั่วโมงซึ่งไม่มีประโยชน์ ความจริงควรรับตรวจ PCR ที่สนามบินเลย ใจถึงๆ หน่อย ที่เยอรมันมีบูธบริษัทรับจ้างตรวจ PCR สามสี่บริษัท  

"โปรเฟสเซอร์ที่คิดค้นแอสตร้าฯ บอกแล้วว่า เชื้อกลายพันธุ์อย่างไรก็จะอ่อนกำลังลง รัฐบาลไทยมีหน้าที่เตรียมวัคซีนบูสเตอร์ และขอให้เป็น mRNA ไม่อย่างนั้นมันบูสต์ไม่ขึ้นจริงๆ" โทนี่กล่าว 

เมื่อถามถึงมาตรการปิดร้านเหล้าคิดว่าช่วยบรรเทาการแพร่ระบาดของโควิดได้มากแค่ไหน

โทนี่กล่าวว่า "ถ้าเราออกกติกาว่าต้องได้วัคซีนสองเข็ม หรือพีซีอาร์เป็นลบจึงให้เข้าได้แบบยุโรปจะดีกว่า เขาไม่ได้ห้าม แต่ตรวจก่อนเข้า ไม่มีอะไร 100% แต่ถ้าเราจะไล่ปิดสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ถึง 1% โดยแลกกับชีวิตความเป็นอยู่ของคน หรือเศรษฐกิจของประเทศ ไม่คุ้ม ไม่คุ้มจริงๆ เราไม่สามารถป้องกันคนตายได้ 100% แต่เราป้องกันให้เสี่ยงต่ำ ไม่ใช่เอาชีวิตความเป็นอยู่ของคนไปแลก อันนี้ไม่ใช่การรักเขานะ บาปกรรม"

"การเป็นผู้นำต้องเป็นนักบริหารมากกว่านักปกครอง นักปกครองใช้แต่ law and order แต่นักบริหารใช้ ICE แค่นี้ ถ้าเป็นนักปกครองมึงผิดเมื่อไหร่ จับนะ อย่างนี้หาใครมาเป็นก็ได้"

เมื่อถามถึงปัญหาที่กลุ่มรถบรรทุกต้องการให้รัฐช่วยตรึงราคาน้ำมันดีเซล และแนวทางการแก้ปัญหาสไตล์นายกฯ ประยุทธ์ 

โทนี่ตอบว่า "คุยสิ เขาขอลดห้าบาท คุณเก็บภาษีห้าบาทกว่า ถ้าลดห้าบาทไม่ได้ คุณมีกองทุนน้ำมันที่จะไปช่วย คุณเอาไปใช้แล้วสองหมื่นกว่าล้านผิดวัตถุประสงค์ของกองทุนน้ำมัน แล้วคุณอธิบายเขาดีๆ น้องเอ๊ย มันลดห้าไม่ไหว ลดสองบาทแล้วกัน ตอนนี้ก็เก็บภาษีสรรพสามิตต่ำกว่าเป้าอยู่แล้ว คุยกันสิ ไม่ใช่ปล่อยบานปลาย ทำไมท่านไม่คุยกับใครเลย ถ้าขาดดุลเพิ่มอีกนิดหน่อยก็ขยันหน่อยทำงานให้มันดีขึ้น อย่างเรื่องเด็กก็เหมือนกัน ถ้าคุยกันมันไม่เละขนาดนี้" 

เมื่อถามถึง พรรคใหม่ (ของนายกฯ) พรรคไทยสร้างสรรค์

โทนี่กล่าวว่า "ชื่อคล้ายๆ ไทยสร้างไทยอยู่นะ...ผมได้ข่าวว่าคนตั้งพรรคไทยสร้างสรรค์คือปลัดฉิ่ง" 

"โดยกฎหมายศาลบอกว่า การนิ่งเฉยถือเป็นการยอมรับ...ผมคิดว่าท่านถนัดขึ้นชิงช้า ให้คนโล้ให้แล้วนั่งชิงช้า ท่านไม่ถนัดทำเองหรอก สมมติว่าพรรคไทยสร้างสรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ต่างคนต่างทำ ผมไม่รู้สองพรรคเสนอชื่อนายกฯ คนเดียวกันได้ไหม ไม่แน่ใจ ถ้าตั้งใหม่น่าจะเหนื่อยหน่อย เพราะ brand awareness ไม่มี การรับรู้ชื่อพรรคไม่สูง แต่ผลสุดท้ายในที่สุดการเลือกตั้ง คาริสมาของตัวผู้นำพรรคก็มีส่วน ต้องได้ผู้นำทีมีคาริสมา" 

เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐมีการตั้งนโยบายหลายอย่างแต่ดูเหมือนไม่เป็นจริงสักอย่าง 

โทนี่กล่าวว่า "คนเขาไม่เชื่อตั้งแต่บอกจะอยู่ไม่นานแล้ว" 

"ข้าวตอนนี้ขายได้ 8 พัน เงินชดเชยตันละ 4 พัน ควรเป็นหมื่นสองโดยประมาณ แต่ที่ชดเชยตังไม่มี เพราะต้องใช้เงินประมาณแสนล้าน ขาดอีกเก้าหมื่นล้านกำลังหากันอยู่"

"เราต้องช่วยกัน พรรคการเมืองทุกพรรค จะเสนออะไรขอให้รักษาคำพูด ไม่อย่างนั้นประชาชนจะผิดหวัง ประชาธิปไตยต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง พูดอะไรแล้วต้องทำ ถ้าไม่แน่ใจอย่าเพิ่งพูด"

"หลักของผมคือ คิดว่านโยบายอะไรน่าจะดีกับประชาชน ก็ไปถามประชาชนเลยใช้วิธีเหมือนโฟกัสกรุ๊ป นโยบายเกษตรก็เชิญปราชญ์ชาวบ้าน ตัวจริงมาคุยเลยว่าอย่างนี้ดีไหม ชอบไหม มีอะไรเสนอต่างจากนี้ไหม เขาเสนอมาก็ปรับแก้แล้วประกาศเป็นนโยบาย นั่นคือ ทั้ง inside out ความคิดเราออกไป และ outside in เอาของเขามาปรับแก้ อันไหนเขาขอแล้วทำไม่ได้ก็บอกเขา" 

"ตอนไทยรักไทยเราทำแบบนี้ แล้ว 30 บาทรักษาทุกโรค พวกหมอหัวก้าวหน้าในกระทรวงสาธารณสุขคิดมานานแล้ว แล้วไม่สำเร็จ เขามาคุยกับผม ผมปิ๊งเลย rematching resource อย่าไปคิดว่าจะใส่เงินไปเรื่อยๆ แต่พยายามใช้ของเก่า ประเทศไทยเราต่างคนต่างตั้งงบ เอามาผสมกันแล้วจัดสรรให้มันถูกต้อง แต่ตอนนี้ที่มันบานอยู่ก็เพราะบริหารจัดการล้มเหลว งบที่ใช้มันต้องโตแน่แต่ต้องไม่กระโดดอย่างนี้ เราต้องไปดูวิธีบริหาร" 

"ตอนเลือกตั้งไทยรักไทย พรรคมหาชนปรากฏว่าเขาออกนโยบาย เขาได้เยอะ แต่ผมคิดว่าเขาทำไม่ได้ เวลาปราศรัย ผมก็มีนโยบายผมไป และบอกว่า ของแท้ต้องมีรูปนายห้างตราใบห่อเป็นสำคัญ คือ ตัวผมเนี่ย (หัวเราะ) เลียนแบบโฆษณายาขม คนก็เฮกัน และเชื่อว่านโยบายเราเป็นนโยบายที่ทำได้จริง ผลออกมาก็ได้ 377 เสียง"

เมื่อถามเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน กรณีหัวลำโพงควรทำอย่างไรดี 

โทนี่กล่าวว่า รัฐบาลนี้ที่ทำงาน เป็นผลต่อเนื่องจากที่เราคิดและวางโครงการไว้ แล้วเขาไปปรับปรุง กรณีหัวลำโพงก็เช่นกันเราคิดไว้แล้วว่า ถ้าเปิดสถานีชุมทางบางซื่อแล้ว หัวลำโพงไม่ได้ใช้ แต่หัวลำโพงเป็นสัญลักษณ์ที่ดี ควรอนุรักษ์ไว้ สมัยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ มองว่าสิ่งอย่างนี้สร้างใหม่ไม่ง่าย แต่อนุรักษ์ไว้ไม่ใช่ให้หยากไย่ขึ้นควรใช้ให้เกิดประโยชน์และเกิดชุมชน 

ดวงฤทธิ์ บุนนาค กล่าวเสริมว่า สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นที่ปรึกษาทำข้อเสนอไว้เมื่อปี 2555 ศึกษาในเชิงวัฒนธรรมมากพอๆ กับเศรษฐกิจระดับชุมชน วิธีคิดการพัฒนาหัวลำโพงนั้นมีนัยที่จะอนุรักษ์อาคารเดิมเป็นแกนสำคัญ มองเห็นคุณค่าสถาปัตยกรรม แต่พยายามสร้างเงื่อนไขหรือการใช้งานใหม่เข้าไป ข้อเสนอเรื่องแรก คือ ทำยังไงให้มันกลับมามีชีวิตชีวา แต่เปลี่ยนการใช้งานเป็นอย่างอื่น บางส่วนเป็นสเปซให้ผู้คนมีกิจกรรม มีตลาดโอท็อป จัดแฟชั่นได้ มองการใช้งานที่เปลี่ยนไปแต่เป็นทิศทางที่ดึงเอาชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม และใช้งานเพื่อประโยชน์ชุมชนเป็นหลัก 

โทนี่กล่าวว่า "หัวลำโพงผมเก็บไว้แน่นอน มันหาไม่ได้อีกแล้ว จะสร้างใหม่อย่างนี้ก็ไม่ได้ เอาเป็นที่จัดเฟชั่นของไทยไปเอานางแบบจากอีสาน ภาคเหนือมาเดิน แล้วดีไม่ดีส่งเดินถึงฝรั่งเศส เป็นศูนย์ soft power ได้ เป็นศูนย์ creative economy ได้ มันใหญ่พอ อย่าไปคิดเรื่องรถไฟหนี้เยอะต้องเอาไปจัดการหนี้ ทุกวันนี้คุณเอาเงินประชาชนไปหลายรอบแล้ว เอาอันนี้มาคืนให้ประชาชน ให้เป็นที่มั่วสุมของคนรุ่นใหม่อย่างสร้างสรรค์บ้าง เป็นที่รวมของร้านค้าของไทยบ้าง ของต่างประเทศบ้าง สลับกัน ส่วนจะสร้างตึกสูงในพื้นที่ที่เหลือก็ว่าไป แต่พอถึงที่แคบๆ ตามรางรถไฟที่ชาวบ้านบุกรุกไปอยู่เยอะไปหมด อย่าไปทำแบบรัชดาอีกเลย กลางกรุงรถก็ติด PM2.5 ก็เยอะ ตรงรางรถไฟเก่าทำศูนย์เรียนรู้ให้เด็กยากจนที่อยู่แถวนั้นใช้ประโยชน์จะดีกว่า แทนที่จะ commercialized ทั้งหมด จะตัดขายแบ่งขายรับเงินใต้โต๊ะกัน พอๆ บ้านเมืองมันไปไม่ได้"

"อย่าไปมองประชาชนเป็นพลทหาร เขาเป็นประชาชนที่เราต้องอุ้มชู วันนี้ถ้าทหาร โดยเฉพาะคุณประยุทธ์บอกรักสถาบัน ถ้ารักสถาบันต้องรักคนตัวเล็กๆ คนตัวเล็กๆ จะได้เห็นอนาคตเขา จะได้มีความเชื่อมั่นกับชีวิตเขา อุ้มชูคนตัวเล็กไม่ให้ตกหล่นรอดตะกร้าไป"

นอกจากนี้โทนี่ยังพูดคุยเรื่องโลกร้อน การเตรียมความพร้อมกรณีกรุงเทพฯ อาจถูกน้ำท่วมซึ่งต้องเตรียมการล่วงหน้านับสิบปี รวมไปถึงรัฐบาลต้องส่งเสริมเพื่อให้เกิด climate tech เทคโนโลยีในการแก้ปัญหาสภาพอากาศที่เปลี่ยนไป แม้กระทั่ง PM2.5 การส่งเสริมให้ใช้รถระบบไฟฟ้าต้องเร็ว และต้องมองภาพรวมทั้งประเทศให้มีส่วนในการที่จะเติบโตนี้ เช่น ต้องเริ่มเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตชิ้นส่วน เริ่มทำวิจัยตั้งแต่ตอนนี้ เอกชนต้องเตรียมตัว 

"ตอนนี้พวกพลังงานไม่สะอาด ต่อไปจะลดลงเรื่อยๆ เราค้นพบนิวเคลียร์ฟิวชั่น ใช้พลังงานนิวเคลียร์ที่ไม่มีกากนิวเคลียร์ จีนก็ไปไกลมาก"

"ตอนนี้เขาคิดค้นแม้กระทั่ง เอาแผงโซลาร์ใส่ในดาวเทียม ไม่ต้องใช้พลังงานเลย โคจรได้หลายปีเลยใช้แสงอาทิตย์อย่างเดียว เราต้องติดตาม อะไรเป็นประโยชน์กับประเทศต้องเอามาใช้ อย่าจมว่าต้องใช้ถ่านหิน แก๊ซ มันยังทำให้ CO2 สูง"

มีผู้ฟังถามเรื่องระบบการศึกษา โทนี่กล่าวว่า ระบบการศึกษาไทยต้องเปลี่ยนหมด ต้องกระจายอำนาจการศึกษา ต่อไปกระทรวงศึกษาแค่กำหนด requirement บางอย่างเท่านั้น 

"เหมือนตอนที่ผมทำธุรกิจ ไปทำการเมืองแล้วกลับมาอีกครั้ง ผมเห็นมันเปลี่ยนแปลงเยอะเลย เพราะจ้างคนที่เคยทำข้าราชาการมาแล้วเขาออกระเบียบเยอะมาก ผมเลยต้องออกกฎใหม่ ใครทำผิดระเบียบแล้วเป็นประโยชน์กับบริษัทมีรางวัล การศึกษาเราขยันออกระเบียบใหม่ เจ๊งหมด การศึกษาคือ การปล่อยให้สมองเด็กบินได้ คิดไม่มีข้อจำกัด ถ้าเอากติกามาครอบหัวไว้ เด็กนับวันก็ยิ่งโง่ แล้วการศึกษาจะตกต่ำ วันนี้ทั่วโลกระบบการศึกษาเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิงแล้ว"

มีผู้ฟังถามความเห็นเรื่องการควบรวมกิจการ ทรู-ดีแทค ในกรณีของทรูนั้นเหมาะสมหรือไม่เพราะมีหลายธุรกิจและมีสัดส่วนตลาดสูงอยู่แล้ว

โทนี่กล่าวว่า ถ้าเป็นลักษณะนิติบุคคล เราถือว่าเป็นคนละนิติบุคคล ถ้าตอบตามหลักธุรกิจต้องยอมรับว่าทรูสู้เอไอเอสไม่ไหวมานานแล้ว ดีแทคก็เหมือนกัน เมื่อไม่รู้ว่าจะแข่งอย่างไรก็เลยควบรวมเพื่อจะแข่งให้ได้ ถ้ามี 2 ค่าย they are fignhting like hell ถ้าพูดเฉพาะธุรกิจมือถือก็ไม่ได้ผูกขาด เพราะมันแข่งกันมาตลอดชีวิตอยู่แล้ว และเอไอเอสเขาแข็งมากอยู่แล้ว การรวมกันกว่าจะเริ่มต้นแข่งได้ก็ต้องใช้เวลาอีก 3 ปี 

"ผมพูดแบบธุรกิจนะ ผมเป็นเบิร์ดอะ รักทุกๆ คน กว่าที่ทรูกับดีแทคจะแข็งแรง รวมกันแล้ว 3 ปีถึงจะเข้าสู่การแข่งขันอย่างจริงจัง ลูกค้าเขาอาจเยอะกว่า สองอันรวมกัน แต่ไม่ได้หมายความว่ากำไรจะดีกว่า"

"เรื่องกฎการห้ามครอบงำตลาด ผมไม่ได้ติดตามรายละเอียด เมืองนอกเป็น แต่เมืองนอกก็ต้องขออนุญาตสภา ตรงนี้ไม่รู้ว่าต้องขออนุญาตแค่ไหน พอดีไม่มีชื่อทักษิณอยู่ ถ้ามีชื่อทักษิณตายไปแล้ว" 

"โดยกฎหมายมันว่าเป็นเรื่องๆ เป็นกิจการๆ ไป ถ้ากิจการเกษตรก็เรื่องหนึ่ง โทรคมนาคมก็เรื่องหนึ่ง ระบบทุนนิยม ธนาคารมักจะปล่อยกู้ให้คนที่ตัวใหญ่ ส่วนตัวเล็กไม่ค่อยปล่อย เพราะไม่เชื่อว่าคนตัวเล็กจะโตได้ แต่มั่นใจว่าคนตัวใหญ่จะอ้วนได้ และมันง่ายดี ปล่อยคนตัวใหญ่ทีเดียวเท่ากับปล่อยให้คนตัวเล็กแสนที ดังนั้นเป็นเรื่องที่ต้องคุยตั้งแต่แบงก์ชาติ การปล่อยหนี้ส่วนบุคคล หนี้บริษัทต้องปล่อยยังไง...หลักการต้องให้แบงก์ชาติกระจายกระปล่อยกู้ให้คนตัวเล็กบ้าง วันนี้ไม่อยากมี exposure กันคนตัวเล็ก เลยปล่อยให้คนตัวใหญ่ คนตัวใหญ่เลยสร้างธุรกิจง่ายขึ้น"

"ในแง่ของรัฐ ผมเลี่ยงไม่ตอบ เพราะผมไม่อยากตัดสินใจ เพราะนายกฯ ต้องมีคณะกรรมการกระทรวงพาณิชย์ มี กสทช. ต้องตัดสินใจร่วมกัน ผมอยู่เมืองนอกมา 15 ปีแล้ว มันไม่อัพเดทกติกาตางๆ แล้วที่จะบอกว่า รัฐบาลควรทำยังไง"