ไม่พบผลการค้นหา
รายงานจากหน่วยงานคลังสมองของจีนเตือนรัฐบาลปักกิ่งอาจเผชิญคลื่นความเป็นปรปักษ์ที่เพิ่มขึ้นจากการระบาดของโควิด-19 ที่อาจทำให้เกิดการเผชิญหน้ากับสหรัฐอเมริกา

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงผู้เกี่ยวข้องที่ไม่เปิดเผยชื่อระบุว่า รายงานที่จัดทำโดยสถาบันศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศร่วมสมัยของจีน หรือ CICIR ซึ่งเป็นหน่วยงานคลังสมองภายใต้กระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ ได้ถูกส่งให้กับบรรดาผู้นำระดับสูงของจีน รวมถึงประธานาธิบดี 'สีจิ้นผิง' แล้วเมื่อช่วงต้นเดือนเม.ย.

โดยเนื้อหาในรายงานอธิบายถึงทัศนคติต่อต้านจีนที่ถูกจุดติดจากการระบาดของไวรัส พร้อมระบุว่ากระแสต่อต้านรัฐบาลจีนในระดับโลกไม่เคยสูงเท่านี้มาก่อนนับตั้งแต่เหตุการณ์ปราบปรามที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อปี 2532 เป็นต้นมา โดยเตือนว่านี่อาจส่งให้เกิดการต่อต้านโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" หรือ "Belt and Road” ของจีน และรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเพิ่มการสนับสนุนทางการเงินและทางทหารให้กับพันธมิตรในภูมิภาค ทำให้สถานการณ์ความมั่นคงในเอเชียไม่แน่นอนมากขึ้น

นักวิจัยของ CICIR เตือนว่าจีนจะเผชิญกระแสต่อต้านจีนที่นำโดยสหรัฐฯ อันเป็นผลที่ตามมาจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และรัฐบาลจีนจำเป็นต้องเตรียมการรับมือฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุดในเรื่องการเผชิญหน้าทางอาวุธระหว่างสองชาติมหาอำนาจ  

เมื่อ 30 ปีที่แล้ว หลังเหตุการณ์ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน สหรัฐฯ และรัฐบาลชาติตะวันตกหลายประเทศได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรกับจีน ที่รวมถึงการห้ามหรือจำกัดการค้าอาวุธและการถ่ายโอนเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม สถานะของจีนในวันนี้ถือว่ามีอิทธิพลมากกว่าเมื่อ 3 ทศวรรษก่อนมาก ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ถูกมองว่าอยู่ในจุดที่ต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษโดยปัจจัยมาจากความไม่ไว้วางใจและความไม่ลงรอยจากข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ ในเรื่องการค้าไม่เป็นธรรมและการขโมยเทคโนโลยี ไปจนถึงความขัดแย้งในเรื่องสถานการณ์ในฮ่องกง ไต้หวันและข้อพิพาทเรื่องดินแดนแดนในทะเลจีนใต้

เมื่อไม่กี่วันมานี้ประธานาธิบดี 'โดนัลด์ ทรัมป์' ซึ่งกำลังเผชิญความยากยิ่งขึ้นในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัย เนื่องจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดในสหรัฐฯ ได้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วหลายหมื่นราย ก็ได้เพิ่มการวิจารณ์รัฐบาลจีนและขู่จะใช้มาตรการกำแพงภาษีใหม่กับจีน ขณะที่เจ้าหน้าที่ก็เผยว่า รัฐบาลของทรัมป์กำลังพิจารณามาตรการตอบโต้จีนจากเรื่องการระบาดของไวรัส ส่วนคนในรัฐบาลจีนก็มีความเชื่อว่าสหรัฐฯ ต้องการจำกัดอิทธิพลของจีนที่เพิ่มขึ้นในเวทีโลกจากเศรษฐกิจที่เติบโต 

แหล่งข่าวยังเผยกับรอยเตอร์ว่ารายงานของ CICIR ได้สรุปว่ารัฐบาลสหรัฐฯ มีมุมมองต่ออิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีนในฐานะภัยคุกคามทางความมั่นคงแห่งชาติและเศรษฐกิจ และเป็นความท้าทายต่อประชาธิปไตยตะวันตก รวมถึงยังระบุว่า สหรัฐฯ มีเป้าหมายลดอำนาจพรรคคคอมมิวนิสต์จีนด้วยการบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของสาธารณชน อย่างไรก็ตาม เมื่อสำนักข่าวรอยเตอร์ได้สอบถามไปยังโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนต่อรายงานดังกล่าว ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันก็ไม่มีความเห็นจากกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติของจีน

ทั้งนี้ จีนถูกสหรัฐฯ กล่าวหาว่าสกัดกั้นข้อมูลในช่วงเริ่มต้นการระบาดของไวรัส เมื่อมีการพบผู้ติดเชื้อรายแรกในเมืองอู่ฮั่นและดูเบาความเสี่ยงของโรคนี้ ขณะที่รัฐบาลจีนปฏิเสธหลายครั้งว่าไม่ได้ปิดบังเรื่องขอบเขตและความรุนแรงของการระบาด โดยจนถึงตอนนี้จีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดภายในประเทศได้เป็นส่วนใหญ่และพยายามแสดงบทบาทผู้นำระดับโลกในการต่อสู้กับโควิด-19 ทั้งด้วยการใช้โฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับการบริจาคและขายเวชภัณฑ์ให้กับสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ รวมถึงการแบ่งปันทักษะความรู้ในทางการแพทย์

อย่างไรก็ตาม จีนก็เผชิญกับปฏิกิริยาสะท้อนกลับที่เพิ่มขึ้นจากนักวิจารณ์ที่เรียกร้องให้รัฐบาลจีนรับผิดชอบต่อบทบาทในการควบคุมโรคระบาดนี้ รัฐบาลออสเตรเลียได้เรียกร้องให้มีการสอบสวนระดับนานาชาติต่อจุดกำเนิดและการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ส่วนเมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลฝรั่งเศสได้เรียกเอกอัครราชทูตจีนเข้าพบเพื่อประท้วงบทความบนเว็บไซต์ของสถานทูตจีนที่วิจารณ์การรับมืองไวรัสของชาติตะวันตก 

อ้างอิง Reuters / VICE News