นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. เปิดเผยว่า ปีนี้ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยดีขึ้น 5 อันดับ มาอยู่อันดับที่ 25 จากปีที่ผ่านมาอยู่อันดับที่ 30 และเป็นอันดับสูงที่สุดในรอบกว่า 10 ปี 

โดยด้านสมรรถนะทางเศรษฐกิจและประสิทธิภาพของรัฐดีขึ้น 2 อันดับ ส่วนด้านเศรษฐกิจพบว่า ด้านการลงทุนต่างประเทศอันดับดีขึ้นมาก เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการลงทุนจากต่างประเทศ 

ขณะที่ การปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานเพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับภาคธุรกิจ ก็ส่งผลให้อันดับด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งของประสิทธิภาพของภาครัฐดีขึ้นถึง 4 อันดับ ซึ่งนับเป็นผลจากการที่รัฐบาลดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการปรับกฎระเบียบให้ทันสมัย คล่องตัว ส่งเสริมการใช้ดิจิทัลในการบริการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ รวมทั้งแก้ปัญหาปัจจัยพื้นฐานเชิงโครงสร้างในทุกด้าน 

อย่างไรก็ดี เขตเศรษฐกิจที่มีอันดับสูงสุด 5 อันดับแรกตามการจัดอันดับของ IMD (International Institute for Management Development) อันดับที่ 1 ได้แก่ สิงคโปร์ซึ่งเลื่อนขึ้นมาแทนที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งลดอันดับลงไปเป็นที่ 3 รองลงมาคือ ฮ่องกง สวิตเซอร์แลนด์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ตามลำดับ ทั้งนี้ IMD ทำการสำรวจและจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันทั้งหมด 63 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก

สำหรับเขตเศรษฐกิจในกลุ่มอาเซียนที่ได้รับการจัดอันดับ 5 เขตเศรษฐกิจ มีอันดับดีขึ้นเกือบทั้งหมด ประกอบด้วยสิงคโปร์ซึ่งขึ้นมาอยู่อันดับที่ 1 มาเลเซียมีอันดับคงที่อยู่ที่อันดับ 22 เช่นเดียวกับปีที่แล้ว ส่วนประเทศไทยสูงขึ้น 5 อันดับ จากอันดับที่ 30 เป็น 25 อินโดนีเซียมีอันดับดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากอันดับที่ 43 เป็น 32 และฟิลิปปินส์จากอันดับที่ 50 เป็น 46

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• 'สิงคโปร์' ขึ้นแท่นประเทศที่มีการแข่งขันทางเศรษฐกิจสูงที่สุดแซงหน้า 'สหรัฐฯ'
• IMD ชี้ความสามารถในการแข่งขันของไทยตกอันดับมา 3 ขั้น
• ​IMD ขยับอันดับแข่งขันไทยดีขึ้น ครองที่ 3 ของอาเซียน