ไม่พบผลการค้นหา
ศาลสหรัฐฯ ตัดสินห้าม 'โดนัลด์ ทรัมป์' ประกาศคำสั่งฉุกเฉิน เพื่อโยกงบกองทัพไปสร้างกำแพงโดยไม่ผ่านสภาคองเกรส

ศาลสหรัฐฯ ตัดสินห้ามโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สร้างกำแพงตามแนวชายแดนติดกับเม็กซิโกด้วยการออกคำสั่งฉุกเฉิน เพื่อเลี่ยงการนำแผนงบประมาณสร้างกำแพงเข้าสภาคองเกรส

ผู้พิพากษาเฮย์วูด กิลเลียมระบุว่า เมื่อสภาคองเกรสปฏิเสธคำร้องในการจัดสรรงบประมาณของฝ่ายบริหาร แล้วฝ่ายบริหารหาวิธีง่ายๆ ในการใช้งบประมาณเหล่านั้นโดยไม่ผ่านคองเกรส ไม่ใช่การปรับมาตรฐานให้กลับไปเหมือนกันหลักการการแบ่งแยกอำนาจเบื้องต้นในช่วงก่อตั้งประเทศ ตามข้อโต้แย้งที่ได้กล่าวอ้างมา

ผู้พิพากษาย้ำว่า คดีนี้ไม่เกี่ยวกับว่าการสร้างกำแพงเป็นแผนที่ฉลาดหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับว่าโครงการนี้เป็นนโยบายที่ถูกหรือผิดในการแก้ปัญหาบริเวณชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ แต่เกี่ยวกับว่า แผนโยกงบประมาณนี้เกินขอบเขตของฝ่ายบริหารภายใต้รัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายต่างๆ ที่สภาคองเกรสรับรองหรือไม่

คำตัดสินของศาลได้ระงับคำสั่งของทรัมป์ในการใช้งบประมาณไปกับการเปลี่ยนรั้วตามแนวชายแดนติดกับเม็กซิโกเป็นกำแพงทั้งสิ้น 2 โครงการรวมความยาว 51 ไมล์ (82 ก.ม.) ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มขึ้นในวันที่ 25 พ.ค. โดยจะโยกงบประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ของกระทรวงกลาโหมในมลรัฐแอริโซนาและเท็กซัสจากงบประมาณทั้งหมด 6,700 ล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลทรัมป์วางแผนว่าจะโยกมาสร้างกำแพง

คดีนี้เป็นเพียง 1 ในอีกหลายคดีที่รัฐบาลท้องถิ่น 20 มลรัฐ รวมถึงองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรและชุมชนตามแนวชายแดนติดกัยเม็กซิโกร่วมกันฟ้องร้องคำสั่งของทรัมป์ว่าเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ เนื่องจากการอนุมัติงบประมาณจำเป็นต้องผ่านการรับรองของสภาคองเกรสก่อน นอกจากนี้ ฝ่ายเสรีนิยมมองว่านี่เป็นนโยบายเหยียดเชื้อชาติและขัดกับค่านิยมของอเมริกันที่เปิดรับผู้อพยพมาตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ

การสร้างกำแพงตามแนวชายแดนติดกับเม็กซิโกเป็นนโยบายสำคัญในการหาเสียงเลือกตั้งของทรัมป์ โดยเขาอ้างว่าการสร้างกำแพงจะป้องกันไม่ให้ผู้อพยพจากเม็กซิโกเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย เพื่อไปแย่งงานชาวอเมริกันและก่ออาชญากรรม ดังนั้น หากทรัมป์สามารถสร้างกำแพงได้สำเร็จก็อาจทำให้เขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีอีก 1 สมัย

ทรัมป์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อเดือนก.พ. หลังสภาล่างที่มีพรรคเดโมแครตเป็นเสียงข้างมาก ไม่ยอมผ่านร่างงบประมาณที่จะนำไปสร้างกำแพง ทำให้มีการชัตดาวน์รัฐบาลเป็นเวลา 35 วัน เนื่องจากไม่สามารถผ่านงบประมาณประจำปีได้ทันเวลา จนมีการเจรจาประนีประนอมจนคองเกรสตั้งงบประมาณ 1,375 ล้านดอลลาร์สำหรับส่วนต่อขยายหรือการเปลี่ยนแนวกั้นชายแดนติดกับเม็กซิโกบริเวณริโอแกรนด์แวลลีย์ ในมงรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นจุดที่มีคนข้ามแดนเข้าไปในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายมากที่สุด

ที่มา: The Guardian, Washinton Examiner