วันนี้ (30 ตุลาคม 2567) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยินดีกับตัวเลขผู้โดยสารที่เข้ามาใช้บริการท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. ได้แก่
- ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
- ท่าอากาศยานดอนเมือง
- ท่าอากาศยานเชียงใหม่
- ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
- ท่าอากาศยานภูเก็ต
- ท่าอากาศยานหาดใหญ่
ซึ่งในปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566 - กันยายน 2567) มียอดผู้โดยสารมาใช้บริการรวมกว่า 119.29 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแบ่งเป็น
- ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 72.67 ล้านคน เพิ่มขึ้น 34.82%
- ผู้โดยสารภายในประเทศ 46.62 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.01% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในขณะที่ตารางบินฤดูหนาว 2024/2025 ของท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง มีเที่ยวบินได้รับการจัดสรรเวลารวม 370,239 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากฤดูหนาวในปีที่ผ่านมา (W2023/2024) 22.1% และมีแนวโน้มว่าจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งหมดเพิ่มขึ้น 23% โดยเส้นทางระหว่างประเทศที่มีผู้โดยสารเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย สิงคโปร์ และฮ่องกง
พร้อมกันนี้ ทอท. ยังขานรับนโยบายรัฐบาลเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ เปิดระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Automated Biometric Identification System: Biometric) ด้วยเทคโนโลยี Facial Recognition มาใช้ระบุตัวตนของผู้โดยสาร เพื่ออำนวยความสะดวก สบาย รวดเร็ว และลดระยะเวลาในการรอคิว นำร่องให้ผู้โดยสารภายในประเทศได้ใช้ก่อนในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 นี้ และเปิดใช้งานสำหรับผู้โดยสารระหว่างประเทศวันที่ 1 ธันวาคม 2567 แต่ทั้งนี้ ผู้โดยสารจำเป็นต้องยินยอมให้ใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลด้วย
“รัฐบาลมุ่งมั่นพัฒนาประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมาย ในการยกระดับการให้บริการในท่าอากาศยานไทยให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และมีความพร้อมทั้งในด้านระบบ อุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เน้นความสะดวก สบาย รวดเร็ว และลดระยะเวลาให้กับผู้ใช้บริการ โดยเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะยกระดับศักยภาพเป็นท่าอากาศยานที่ดีในระดับโลกได้” นายจิรายุ กล่าว