เวลา 15.40 น. วันที่ 1 ก.ค. 2564 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.จากหลายพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย นพ.จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ เสนอญัตติด่วนด้วยวาจารวมกัน 6 ญัตติ เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎร หามาตราการในการป้องกันโรคโควิด-19 และมาตรการเยียวยาประชาชน เพื่อเสนอรัฐบาลต่อไป
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอเสนอแนะให้มีการยุบ ศบค. เพราะ 90 นาทีต่อ 1 คน คือสถิติการฆ่าตัวตายของคนไทยใน 1 ปีที่ผ่านมา มากที่สุดในรอบ 24 ปี และต้องใช้น้ำตาอีกกี่หยด ใช้ชีวิตคนไทยอีกกี่ชีวิต กว่ารัฐบาลจะตื่น แล้วได้ยินเสียงร้องไห้ของประชาชน
พิธา กล่าวว่า ขอให้นายกรัฐมนตรีเลิกอ้างว่าทุกประเทศก็แย่เหมือน กันเพราะวันนี้ประเทศไทยแย่กว่าสหรัฐอเมริกาและอินเดีย แย่กว่าค่าเฉลี่ยของทุกประเทศในเอเชียถึง 2 เท่า ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีทั้งอำนาจ เวลาและงบประมาณ แต่กลับปล่อยให้คนไทยตายแบบใบไม้ร่วง ตนรับไม่ได้ ดังนั้น นอกจากการยุบ ศบค.แล้ว ขอเสนอให้ปรับ ครม.ด้วย
“ท่านไม่สามารถใช้ ครม.ชุดเดิมมาแก้ปัญหานี้ได้ ถึงเวลาต้องเอาคนเก่งคนรุ่นใหม่คนที่เข้าใจคนที่สามารถทำงานได้จริงจัง คนที่อยู่กับประชาชนมาตลอด แล้วทำให้สำเร็จสักที ประชาชนบอกว่าเธอไม่ทำตามสัญญาให้เวลาไปตั้งนาน ตอนนี้ต่อให้มีวัคซีนไฟเซอร์อยู่ในประเทศไทยหลายล้านโดส ก็ไม่ทันแล้ว ขนาดรองปลัดสาธารณสุขยังต้องร้องไห้ เพราะกว่าจะฉีด กว่าภูมิคุ้มกันจะขึ้น แล้วปัญหาเตียงเต็มจะทำอย่างไร”
พิธา กล่าวว่า สิ่งที่หงุดหงิด และรู้สึกสะเทือนใจที่สุด จนกระทั่งต้องนั่งสมาธิก่อนมาพูด คือการอัพเกรดห้องพยาบาล ทั้งห้องแดง เขียว เหลือง ซึ่งสภาผ่านงบประมาณกู้เงินให้แล้ว แต่เบิกจ่ายจริงเพียง 3 % จากงบประมาณ 10,000 ล้านบาท จะเห็นว่ารัฐบาลมีงบประมาณ มีเวลา มีอำนาจ แต่ซื้อเครื่องช่วยหายใจมาเพียง 37 เครื่องสำหรับประชาชน 70 กว่าล้านคน
เขา ระบุว่า เราจะชนะวิกฤตแบบนี้ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ข้อมูล การบริหาร เทคโนโลยี เราไม่สามารถที่จะชนะด้วยการชูมือ 2 นิ้ว ไม่สามารถที่จะชนะด้วยการเมือง ทั้งนี้ เรื่องเตียงเรื่องวัคซีน ขอให้อยู่ห่างจากการเมือง เพราะมันคือชีวิตคน ต้องเป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์ ข้อมูล การบูรณาการ การบริหารจัดการ
“อีกอย่างที่โมโหมากคือเรามีโรงพยาบาลว่าง แต่อยู่คนละสังกัด เช่น แห่งหนึ่งเป็นโรงพยาบาลของกรุงเทพ ของมหาวิทยาลัย ของกระทรวงกลาโหม ซึ่งไม่เคยจะส่งข้ามกันในภาวะปกติ แต่นี่เป็นสภาวะฉุกเฉิน และนายกรัฐมนตรีมีอำนาจตาม พ.ร.ก.31 ฉบับ ทำไมไม่ทำ"
พิธา กล่าวว่า มันทารุณเกินไปสำหรับประชาชนคนไทย ประเทศที่มีทรัพยากรพร้อมทุกอย่าง แต่ไม่สามารถรักษาชีวิตของพลเมืองตัวเองได้
หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า สำหรับการเยียวยา ต้องอย่านำการชิงโชครอรับการช่วยเหลือมาใช้อีก ส่วนผู้ประกอบการจะต้องช่วยลดต้นทุน ชะลอหนี้
“และอย่าชักช้าอีกหวังว่าจะไม่มีนักร้องที่เสียงไพเราะ ซึ่งปรับตัวแล้วปรับตัวอีก จนกระทั่งทนไม่ไหว จนต้องกระโดดลงมา”
พิธา กล่าวว่า กล่าวว่า ถ้าไม่ยุบ ศบค.ก็ถึงเวลาที่จะต้องถอยออกไป ให้คนรุ่นใหม่คนที่มีความเข้าใจในการบริหาร คนที่ทำงานเป็นมาแก้ไขปัญหา ถ้าท่านรักครอบครัวของท่านจริง ท่านต้องกลับไปดูแลครอบครัวของท่าน ปล่อยให้คนที่เขาทำงานเป็นแก้ไขปัญหานี้ ให้คนที่เขาพร้อมที่จะทำงานได้ทำงาน
“น้ำตาของคนเวลาที่มันไหลออกมา มันเป็นน้ำ แต่เวลาที่มันตกถึงพื้นเมื่อไหร่ มันก็ลุกเป็นไฟได้เช่นเดียวกัน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการอภิปราย พิธา อภิปราย ด้วยน้ำเสียงกึ่งสะอื้น และแสดงออกถึงความอึดอัด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง