นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและบุคคลต่าง ๆ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ การถวายสัตย์ปฏิญาณของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าขัดรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการกล่าวปฏิญาณที่ขาดสาระสำคัญไปนั้น เป็นความจงใจ หรือเป็นความบกพร่องโดยสุจริต
ซึ่งหากเป็นเจตนา จากตัวนายกรัฐมนตรีถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะนอกจากไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแล้ว จะต้องพิจารณาว่าเข้าข่าย ไปถึงการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์หรือไม่ แต่ส่วนตัวนายชัยเกษมเชื่อว่า อาจเป็นความบกพร่องของนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็แปลกใจที่ คณะรัฐมนตรีไม่ได้ทักท้วงในประเด็นที่เกิดขึ้น
จนถึงขณะนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ออกมาพูดถึงประเด็นดังกล่าวให้เกิดความชัดเจน จึงแนะนำว่า หากนายกรัฐมนตรี ยังถวายสัตย์ขาดข้อความหรือสาระสำคัญในส่วนที่ 3 ที่ระบุว่า จะรักษาไว้ ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการก็ขอให้ออกมายอมรับ และกราบบังคมทูลขออภัยโทษ เพื่อเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณใหม่ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ควรปล่อยให้เวลาเนิ่นนานออกไป เพราะจะยิ่งทำให้ สังคมเข้าใจว่าท่านมาจากการปฏิวัติ จึงปฏิเสธที่จะ ถวายสัตย์ในเรื่องดังกล่าว อดีตอัยการสูงสุด ย้ำว่าการถวายสัตย์ที่ยังไม่สมบูรณ์ เท่ากับคณะรัฐมนตรียังไม่มีการถวายสัตย์
"การที่กล่าวไม่ครบนั้น ก็คือยังไม่สมบูรณ์ ไม่สมบูรณ์ก็เท่ากับยังไม่มีการถวายสัตย์ ไม่ใช่อย่างนั้นถ้าเกิดขาดสัก 2 ข้อจาก 3 ข้อ จะบอกว่าก็ใช้ได้แล้ว มันไม่ใช่มันต้องทำให้ครบ"
นายชัยเกษม ระบุเพิ่มเติมว่า พลเอกประยุทธ์จะต้อง ดำเนินการให้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะมีบุคคล ไปร้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการ ตามกฎหมาย ซึ่งกรณีดังกล่าวนายกรัฐมนตรี อาจถูกร้องในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ด้วย
ส่วนใครจะเป็นผู้ร้องจากการตรวจสอบรัฐธรรมนูญพบว่า กระบวนการดังกล่าวเป็นเรื่องของการวินิจฉัยความชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งสภาผู้แทนราษฎร สามารถส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้