ศาลจังหวัดพัทยานัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.3537/2552 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.8488/2552 ระหว่าง พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา เป็นโจทก์ฟ้อง นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 18 คน จำเลย ซึ่งเป็นแกนนำและแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กรณีร่วมกันชุมนุมบุกล้มการประชุมอาเซียน เมื่อปี 2552
โดยวันนี้ผู้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ จำเลยที่ 3 ทนายจำเลยที่ 3, นายสำเริง ประจำเรือ จำเลยที่ 6 และนายวรชัย เหมะ จำเลยที่ 13 มาศาล ศาลฎีกามีคำสั่งว่า ประเด็นที่ 1 คือ พ.ต.ท.ไวพจน์ จำเลยที่ 3, นายสำเริง จำเลยที่ 6 และนายวรชัย จำเลยที่ 13 ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การเดิม จากปฎิเสธเป็นรับสารภาพ ศาลฎีกามีคำสั่งว่า การแก้ไขหรือเพิ่มเติมคำให้การต้องกระทำก่อนศาลพิพากษา การที่จำเลยมายื่นในชั้นฎีกาเป็นการต้องห้าม ยกคำร้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 วรรคสอง
ประเด็นที่ 2 คือ วันนี้ผู้รับมอบอำนาจจำเลยที่ 3 ทนายจำเลยที่ 3, จำเลยที่ 6 และจำเลยที่ 13 ยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกา จำเลยที่ 3 ให้เหตุผลว่าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่ระหว่างการประชุมพรรค ศาลฎีกามีคำสั่งว่า แม้จำเลยที่ 3 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่คดีนี้เสร็จการพิจารณาแล้ว ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 125 ประกอบกับการขอเลื่อนคดีมีลักษณะเป็นการประวิงคดี จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกาของจำเลยที่ 6 และจำเลยที่ 13
พิพากษานายสำเริง จำเลยที่ 6 และนายวรชัย จำเลยที่ 13 จำคุกคนละ 4 ปี ปรับคนละ 200 บาท ส่วน พ.ต.ท.ไวพจน์ จำเลยที่ 3 ให้เลื่อนฟังคำพิพากษาไปอ่านวันที่ 15 ม.ค. 2563 เวลา 09.00 น. และให้ออกหมายจับจำเลยที่ 3 และปรับนายประกันจำเลยที่ 3 เต็มตามสัญญาประกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง