ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมจุดฉีดวัคซีนเอกชน พร้อมย้ำรัฐบาลไม่เคยโทษประชาชน ขอสื่อนำเสนอให้ถูกต้อง มองบุรีรัมย์ ออกกฎกลุ่มเสี่ยงไม่ฉีดวัคซีนมีโทษจำ -ปรับ เป็นเพียงการเตือน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และพลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมืองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมและติดตามการทดลองระบบฉีดวัคซีนที่จุดฉีดวัคซีน โควิด -19 ห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์บางกะปิ

ซึ่งทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงพนักงานในเครือเดอะมอลล์ ตะโกนให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี พร้อมกับถามผู้ที่มารอรับยาฉีดวัคซีนว่าฉีดจริง หรือสแตนอิน ซึ่งตนก็ฉีดไปแล้ว ขออย่ากังวลทำใจให้สบาย หากกังวลให้สวดมนต์ ฉีดวัคซีนไม่มีอะไรน่ากลัว ฉีดแล้วก็ช่วยประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนมาฉีดวัคซีนด้วย 

นายกรัฐมนตรี ระบุอีกว่า การที่ภาคเอกชนให้ความร่วมมือไม่ใช่รัฐบาลไปกดดัน ขอให้เข้าใจเนื่องจากมีการหารือร่วมกันมาโดยตลอด ตั้งแต่การจัดหาวัคซีนทางเลือก ซึ่งตนได้อธิบายไปหมดแล้ว ถึงไม่อยากให้ไปพูดในสื่อข้างนอกให้เสียหาย วันนี้ต้องไปด้วยกันทั้งภาครัฐ เอกชนและภาคธุรกิจ ต้องเข้าใจด้วยว่ารัฐบาลนั้นทำตามกฎหมาย ไม่ได้ปิดกั้นการจัดหาวัคซีน วันนี้มีการขึ้นทะเบียนวัคซีนโมเดิลนา โดยมีการเจรจาระดับผู้นำว่าจะนำวัคซีนอะไรเข้ามาได้อีก 

ซึ่งไทยมีวัคซีนหลักคือ แอสตร้าเซนเนก้า แต่ก็จะมีวัคซีนอื่นเข้ามาเสริม ซึ่งในเดือนนี้ได้ว่าวัคซีนเพิ่มจากซิโนแวค 3.5 ล้านโดส และจะต้องกระจายวัคซีน โดยจะเน้นกลุ่มให้บริการสาธารณะ จากเดิมเน้นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงกลุ่มครู รวมไปถึงแรงงาน พร้อมขอความร่วมให้ทุกคนยึดตามมาตรการด้านสาธารณสุขป้องกันดูแลตนเอง ยืนยันไม่เคยโทษประชาชนแต่ขออย่าโทษรัฐบาลอย่างเดียว  

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง จังหวัดบุรีรัมย์ ออกคำสั่งใหม่ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะติดเชื้อหรืออาจจะรับเชื้อไปฉีดวัคซีน หากฝืนมีโทษทั้งจำและปรับ ว่า เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งอาจเป็นการเตือน แล้วแต่แต่ละจังหวัดจะออกกฎ แต่จะออกกฎไปทำร้าย ประชาชนไม่ได้ เป็นการเตือนประชาชนมากกว่าเช่นเดียวกับปรับหากไม่ใส่หน้ากากอนามัย