ไม่พบผลการค้นหา
ญี่ปุ่นเล็งนำเข้าแรงงานกว่า 350,000 คน ภายใน 5 ปี หวังแก้ปัญหาแรงงานไม่เพียงพอจากภาวะสังคมสูงวัย

ประเทศญี่ปุ่นกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาสังคมสูงวัย ทำให้บุคลากรในประเทศที่อยู่วัยทำงานมีจำนวนลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคั่งของประเทศในอนาคตอันใกล้ ด้านนายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของประเทศญี่ปุ่น เสนอให้มีการรับแรงงานจากต่างประเทศเข้ามาอุดช่องว่างแรงงานในประเทศ

'โทโมมิ อิเนดะ' สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและอดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น กล่าวว่า การหดตัวลงและการสูงอายุขึ้นของประชากรเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดที่ประเทศกำลังเผชิญหน้า ในฐานะประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับที่ 3 ของโลก

ในงานสัมนาด้านการลงทุนของเครดิตสวิส ที่ฮ่องกง เมื่อวันพุธที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา อิเนดะ กล่าวว่า ผลจากสถิติแสดงให้เห็นว่า จำนวนประชากรในวัยทำงานของญี่ปุ่น จะลดลงราวร้อยละ 1.1 ภายใน 50 ปี ข้างหน้า

“นี่จะเป็นการเพิ่มภาระหนักให้กับเศรษฐกิจของประเทศ” อิเนดะ กล่าว

แรงงานต่างชาติเท่ากับทางออก

รัฐบาลของนายอาเบะ ซึ่งบริหารประเทศมากว่า 6 ปี มีความพยายามในการแก้ไขปัญหาประชากรสูงวัยด้วยมาตรการหลายอย่าง อาทิ มาตรการปลอดภาษีและแรงจูงใจอื่นๆ เพ่ื่อเพิ่มการพัฒนา งานวิจัย และการลงทุนด้านการเงิน ทั้งยังมีความพยายามในการสร้างโอกาสให้กับแรงงานเพศหญิงและผู้สูงอายุ

แม้จะมีมาตรการในการกระตุ้นต่างๆ การขาดแคลนแรงงานก็ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ในญี่ปุ่น อิเนดะ กล่าวว่า ทางออกที่ได้ผลมาที่สุดในขณะนี้คือการเปิดรับแรงงานต่างชาติผ่านกฏหมายใหม่ที่มีการประกาศใช้เป็นที่เรียบร้อยแล้วในปีที่ผ่านมา ซึ่งตัวเลขแรงงานต่างชาติอาจสูงถึง 350,000 คน ภายในระยะเวลา 5 ปี ข้างหน้า

แท้จริงแล้ว มีชาวต่างชาติเข้ามาในญี่ปุ่นเป็นจำนวนมากมาเป็นเวลานานแล้ว แต่เข้ามารูปแบบของนักเรียน เข้ามาฝึกงาน หรือคนที่เข้ามาในประเทศแบบปราศจากวิซ่าที่เหมาะสม ซึ่งนำไปสู่การแสวงหาผลประโยชน์ แต่กฏหมายใหม่ที่ออกมาจะเข้ามาจัดการปัญหาดังกล่าวพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจไปในเวลาเดียวกัน

“ชาวต่างชาติในตลาดแรงงานญี่ปุ่นมีเพียงร้อยละ 2 หากเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ ที่อยู่ที่ร้อยละ 10 เรายังมีพื้นที่เหลือเฟือ” อิเนดะ กล่าว

อย่างไรก็ตามความพยายามในการเปิดรับชาวต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเข้ามาของวัฒนธรรม หรือ ภาษาจากชาวต่างชาติซึ่งอาจจะมากระทบกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นได้

อิเนดะตอบกลับประเด็นนี้อย่างกระชับว่า แท้จริงแล้วเธออยู่ฝั่งอนุรักษ์นิยม แต่ "การเป็นอนุรักที่แท้จริง คือการกล้าที่จะเข้าถึงการเปลี่ยนแปลงโดยปราศจากความกลัว เพื่อปกป้องวัฒนธรรมเดิม อนุรักษ์นิยมที่แท้จริงจะต้องมีจิตใจเปิดกว้าง ไม่ใช่การไม่รับฟังผู้อื่น"

อ้างอิง; CNBC