แต่กระนั้นก็ไม่ทำให้การเลือกตั้ง อบจ.ซึ่งเป็นสนามเลือกตั้งใหญ่ใกล้เคียงการเลือกตั้งระดับประเทศ ต้องดูจืดชืดลงไป เพราะทั้งผู้สมัครในนามของพรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมือง ต่างงัดกลเม็ดออกมาสู้ศึกครั้งนี้อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน
สำหรับการเลือกตั้ง อบจ.ครั้งนี้มี 1 พรรคกับ 1 กลุ่มการเมือง ที่ส่งผู้สมัครลงแข็งขันอย่างจริงๆจังๆ นั่นก็คือ“พรรคเพื่อไทย” และ “คณะก้าวหน้า” นำโดย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ส่งผู้สมัครในนามพรรคเพียง 2 คน ในจังหวัดสงขลาและสตูล
นอกนั้น ล้วนเป็นผู้สมัครอิสระที่มีพรรคการเมืองหนุนหลังและผู้สมัครอิสระอย่างแท้จริง
ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ส่งผู้สมัครนายกฯ อบจ.ทั้งหมด 25 จังหวัด หาเสียงด้วยนโยบาย “ใกล้บ้าน” โชว์จุดแข็งการนำประสบการณ์ระดับชาติ สู่ความเจริญใกล้บ้านประชาชน ผ่านการสร้างงานสร้างรายได้ สร้างโอกาสใน 6 ด้าน 1.ด้านการเดินทาง 2.การขนส่ง 3.ด้านสุขภาพ 4.ด้านการศึกษา 6.ด้านการเกษตรอาหารปลอดภัย และ 6.เอสเอ็มอีและโอทอป
โดยนโยบายทั้ง 6 ด้านมีรากฐานมาจากแนวคิด “คิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อจังหวัดของเรา”
ด้าน นพดล ปัทมะ คณะทำงานด้านนโยบายและวิชาการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะนำความรู้และประสบการณ์ในยุคไทยรักไทย ซึ่งเป็นความรู้ระดับชาติมาสนับสนุนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น ทั้งการคิดใหม่ทำใหม่ การเพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ยกระดับคุณภาพชีวิต และแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ
ทีมช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย พิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรค นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรค ร.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรค ดร.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค ฯลฯ
ในเวทีหาเสียงผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยเน้นไปที่การประกาศจะลงมือทำงานจริง เพื่อสร้างโอกาส สร้างรายได้ เป็นรากฐานของประเทศไทย
สนามเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ เป็น 1 สนามที่พรรคเพื่อไทยต้องเหนื่อยพอสมควร เพราะในขณะที่พรรคเพื่อไทยส่ง “พิชัย เลิศพงศ์อดิศร” อดีต ส.ว.เชียงใหม่ลงแข่งขันในนามพรรค นั่นเป็นเวลาเดียวกับที่ “บุญเลิศ บูรณุปกรณ์” อดีตนายก อบจ.เชียงใหม่ ผู้ที่พรรคเพื่อไทยเคยให้การสนับสนุน ตัดสินใจลงแข่งขันด้วย
โดยวันนี้จะเห็นว่าขณะที่แกนนำพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ช่วย “นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร” หาเสียง แต่ประธานนปช.อย่าง “นายจตุพร พรหมพันธุ์” กลับไปช่วย “นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์” หาเสียง โดยถ้อยคำปราศรัยต่างเล่นงานโจมตีกันไม่เว้นแต่ละวัน
สนามเลือกตั้งเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยแพ้ไม่ได้ ดังจะเห็นจากการที่ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความอ้อนวอนขอคะแนนเสียงคนเชียงใหม่ บอกว่า ขออย่าทิ้ง เพราะตอนนี้ก็ถูกทอดทิ้งแล้วจากใครบางคน
“พี่น้องชาวเชียงใหม่ขออย่าได้ทิ้งผมนะครับ ผมอาจจะถูกทิ้งโดยนักการเมืองบางคน ไปบ้าง ผมรู้สึกเฉยๆครับ แต่ถ้าพี่น้องชาวเชียงใหม่บ้านเกิดของผมทิ้งผม ผมคงเสียใจมาก” นายทักษิณ ระบุ
มาที่ “คณะก้าวหน้า” ส่งผู้สมัครนายก อบต.จำนวน 42 จังหวัด ใช้สโลแกนหาเสียง “เปลี่ยนประเทศไทย เริ่มได้ที่บ้านเรา”
คณะก้าวหน้าประกาศนโยบายภายใต้การยึดอุดมการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ นั่นคือ “คนไทยเท่าเทียมกัน ประเทศไทยเท่าทันโลก” แปรนโยบายระดับชาติของพรรคอนาคตใหม่เดิม ให้เป็นนโยบายที่จับต้องได้ในระดับท้องถิ่น โดยเป็นเครื่องมือสำคัญที่สุดในการลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้
'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' ประธานคณะก้าวหน้า ระบุว่า นโยบายทั้งหมดไม่ได้เกิดการจากนั่งคิดในห้องแอร์ แต่ตั้งอยู่บนหลัก 3 จริง
นั่นคือการไปใน ‘พื้นที่จริง’ พบกับ ‘ประชาชนจริง’ และอยู่ใน ‘สถานการณ์จริง’ ทำให้เข้าใจถึงปัญหา เอาข้อมูลที่ได้กลับมาเป็นนโยบาย
แนวทางหาเสียงเลือกตั้ง คณะก้าวหน้ายึดหลัก 5 ข้อ
1. ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย และพร้อมร่วมผลักดันการสร้างประชาธิปไตย
2. ไม่ซื้อเสียง เอาชนะด้วยนโยบายและการทำงานอย่างจริงจัง
3. ไม่มีประวัติการค้ามนุษย์หรือค้ายาเสพติด
4. ไม่ทุจริต ไม่เข้ามามีอำนาจเพื่อตักตวงผลประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง
5. พร้อมร่วมกันผลักดันให้เกิดการปฏิรูปรัฐราชการ ยุติการรวมศูนย์อำนาจและทรัพยากรไว้ที่ส่วนกลาง
สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่น “ธนาธร” ประกาศตั้งแต่เริ่มก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่แล้วว่า จะเอาจริงในสนามการเลือกตั้งทุกพื้นที่ ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นมีความสำคัญไม่แพ้การเลือกตั้งระดับประเทศ ทั้งยังเป็นกลไกสำคัญในการลงอำนาจรัฐ กระจายความเจริญ
โดยในการหาเสียงผู้สมัครในนามของคณะก้าวหน้า เน้นย้ำการบริหารจัดการงบประมาณ 8 แสนล้าน ที่ส่วนกลางจัดสรรให้ท้องถิ่นทุกระดับ โดยหากได้รับการบริหารจัดการที่ดี ก็จะก่อให้เกิดการพัฒนาได้อย่างตรงจุด รวดเร็ว
ในการเลือกตั้ง อบจ.ครั้งนี้ ธนาธร และคณะก้าวหน้าได้เปรียบคู่แข่งตรงที่สามารถลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงด้วยตัวเอง ขณะที่พรรคอื่นๆ ทำไม่ได้เพราะอย่างพรรคเพื่อไทย หัวหน้าพรรคเป็น ส.ส. ไม่สามารถช่วยหาเสียงได้
นอกจากนี้คณะก้าวหน้า ยังเตรียมตัวสู้ศึกเลือกตั้ง อบจ.ก่อนใคร โดยมีการเตรียมผู้สมัครด้วยการเฟ้นหา รับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ ตั้งแต่หลังการเลือกตั้งใหญ่ในปี 2562
นั่นจึงทำให้ผู้สมัครของคณะก้าวหน้า เป็นที่จับตามอง ในฐานะคู่แข่งคนสำคัญกับเจ้าของพื้นที่เดิม
ด้านพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ส่งผู้สมัครนายกฯ อบจ.ในนามพรรค เพียง 2 คน เหตุผลหนึ่ง มาจากหวาดหวั่นกฎกติกา ส่วนอีกเหตุผลหนึ่ง ตัดปัญหาบางพื้นที่คนของพรรคต้องการลงสมัครชนกัน
2 คนที่ “ประชาธิปัตย์” ส่งลงสมัคร คือ เกตุชาติ เกษา ผู้สมัครนายก อบจ.สตูล และนายไพเจน มากสุวรรณ์ ผู้สมัครนายก อบจ.สงขลา โดยทั้งคู่หาเสียงภายใต้แนวคิด “ถึงเวลาเปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า” โชว์ความมั่นใจในการพลิกโฉมจังหวัดด้วยนโยบาย “รวมพลังร่วมสร้างสุข”
กระนั้น เลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา ก็ไม่ง่ายสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะต้องเจอกับคู่แข่งอย่าง พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล กลุ่มสงขลาประชารัฐ แกนนำกลุ่มด้ามขวานไทย และเป็นอดีตผู้อำนวยการเลือกตั้งเขตภาคใต้พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
ที่สำคัญ พ.อ.สุชาติ เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 12 รุ่นเดียวกับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นผู้ที่เตรียมพร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือน มี.ค.2562 เสียอีก
อีกหนึ่งจังหวัดภาคใต้ คือนครศรีธรรมราช แข่งขันเลือกตั้ง นายก อบจ.อย่างคึกคัก
อำนวย ยุติธรรม หัวหน้าทีมนครประชารัฐ น้องชายของ สายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ นำเสนอหลากหลายนโยบาย
ไม่ว่าจะเป็น พัฒนาปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค ซึ่งอยู่ในความดูแลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชให้ได้มาตรฐาน , ส่งเสริมและพัฒนากระบวนการจัดการขยะมูลฝอยอย่างเป็นระบบและยั่งยืน, ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน “เขา ป่า นา เล” โดยชุมชนมีส่วนร่วม , ส่งเสริมและสนับสนุนให้นครศรีธรรมราชเป็นศูนย์กลางอาหารโลก ภายใต้สโลแกน “ครัวนครสู่ครัวโลก” เป็นต้น
ทีมนครประชารัฐ นำโดยนายอำนวย ยุติธรรม หาเสียงด้วยจุดขายคนรุ่นใหม่พัฒนาท้องถิ่น ประกาศจะเป็นกลุ่มการเมืองสีขาว เน้นการพัฒนารูปแบบใหม่ นำความเจริญสู่จังหวัดนครศรีธรรมราช
ขณะที่ กนกพร เดชเดโช มารดา ชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 6 พรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ลงสมัครในนาม “กลุ่มพลังเมืองนคร” นำเสนอนโยบายเด่นและเป้าหมายการพัฒนา 7 ด้านสำคัญ
เช่น ด้านการท่องเที่ยว โครงการเที่ยวนครทั้งปีมีสุข ร่วมมือกับภาครัฐ อปท.เอกชน พัฒนาและฟื้นฟูการท่องเที่ยว จัดโปรแกรมการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี , ด้านการลงทุน เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม พัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม ให้เป็นศูนย์กลางการพัฒนาส่งเสริมสินค้าชุมชน , ด้านการบริหารจัดการและการมีส่วนร่วม ผลักดันให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกระดับอย่างเปิดกว้าง ภายในแนวคิด "สภาคนดี" หรือ "สภาประชาชน" เพื่อร่วมเสนอแนะ และผลักดันการพัฒนาจังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ระดับ อปท. อบจ. และจังหวัด กลุ่มจังหวัด
มาที่ จ.บุรีรัมย์ เมืองหลวง “พรรคภูมิใจไทย” มีผู้สมัครนายก อบจ.ทั้งหมด 8 คน ภูษิต เล็กอุดากร อดีต ส.อบจ.บุรีรัมย์ เขต อ.พลับพลาชัย หลานชายของ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ลงสมัครในนาม “กลุ่มเพื่อนเนวิน” หลัง กรุณา ชิดชอบ อดีตนายก อบจ.บุรีรัมย์ ไม่ลงสมัคร
ผู้สมัคร “กลุ่มเพื่อนเนวิน” มาพร้อมนโยบาย สานงานต่อ ก่องานใหม่ เพื่อให้จังหวัดบุรีรัมย์เดินหน้าพัฒนา ทั้งด้านเศรษฐกิจ ปากท้อง สร้างอาชีพและรายได้ให้กับชาวบุรีรัมย์
พร้อมกันนี้ ยังโชว์จุดขาย การต่อยอดเมืองกีฬาระดับโลก ดึงนักท่องเที่ยว นำเม็ดเงินสู่ประชาชนชาวบุรีรัมย์
อีกหนึ่งจังหวัด คือชลบุรี ที่การเลือกตั้ง อบจ.มีความดุเดือดและน่าจับตามองว่า “บ้านใหญ่” อย่าง วิทยา คุณปลื้ม จะรักษาแชมป์ได้หรือไม่ หลังนำเสนอนโยบาย “สานงานต่อเพื่อชลบุรีรุดหน้า” ตั้งเป้าให้เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของ EEC
ขณะเดียวกัน “บ้านใหญ่” ก็ถูกมองว่า ผูกขาดการเมืองและอำนาจใน จ.ชลบุรี ด้วยเหตุนี้ "ทีมเรารักชลบุรี"ของนายวิทยา จึงโชว์จุดขายใหม่ว่า เป็นการรวมพลังผสมผสานระหว่างคนรุ่นใหม่และผู้มีประสบการณ์รอบด้าน พร้อมจับมือไปด้วยกัน ภายใต้สโลแกน "ชลบุรี สร้างสรรค์ ยั่งยืน"
คู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับ “นายวิทยา คุณปลื้ม” ได้แก่ “พลอยลภัสร์ สิงห์โตทอง” บุตรสาวของ จิรวุฒิ สิงห์โตทอง หรือ นายกเป้า อดีต ส.ส.ชลบุรี ที่จับมือกับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ลงสมัครในนาม “ก้าวหน้าเปลี่ยนชลบุรี” โดยมี ธนาธร และคณะก้าวหน้า ช่วยหาเสียง นำเสนอความเป็นคนรุ่นใหม่ พร้อมเปลี่ยนแปลงสู่ทิศทางที่ดีขึ้น
20 ธ.ค. 2563 จับตาการเลือกตั้ง อบจ. 76 จังหวัด พรรคใหญ่ หรือ ผู้สมัครอิสระ แชมป์เก่า หรือ หน้าใหม่ จะชนะใจประชาชน เดี๋ยวรู้กัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง