นับตั้งแต่รัฐบาลปักกิ่งประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงฮ่องกงฉบับใหม่ (National Security Law: NSL) เมื่อ 30 มิถุนายน 2563 ภายหลังจากมีขบวนการเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่ในปี 2562
จนถึงวันนี้ครบรอบ 1 ปีที่กฎหมายดังกล่าวถูกบังคับใช้ ตลอดระยะเวลาที่ภายใต้กฎหมาย NSL นี้บังคับใช้ ส่งผลให้มีรายงาน ประชาชนถูกดำเนินคดีภายใต้บทลงโทษของกฎหมายดังกล่าวไปแล้ว 117 คน และถูกกล่าวหาอีก 60 คน ในจำนวนดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นนักการเมือง ผู้ประท้วง นักข่าว และนักศึกษา หากคิดโดยเฉลี่ยต่อปี ช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมาจะเท่ากับว่ามีพลเมืองถูกจับดำเนินคดีโดยประมาณถึง 9 คนต่อเดือน ที่สำคัญคือกฎหมายฉบับใหม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและเสรีภาพของชาวฮ่องกงอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับกฎหมาย NSL ก็ตาม
แอนน์ (Anne) นามสมมติ ผู้ต้องเสียเวลาชีวิตกับการขึ้นโรงขึ้นศาล เธอต้องไปขึ้นศาลบ่อยถึง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ แม้จะไม่ใช่ทนายความ
“ฉันต้องการสนับสนุนให้กำลังผู้ประท้วงและครอบครัวของผู้ถูกดำเนินคดี เพราะการที่ฉันต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ที่ศาล เราได้สร้างความเชื่อใจ ซึ่งพวกเขา(ผู้ประท้วง)ยินดีที่จะพูดคุยกับฉัน” แอนน์กล่าวถึงชีวิตของเธอที่เปลี่ยนไปเพราะการที่ผู้ประท้วงถูกดำเนินคดี ทำให้เธอต้องหาทางสนับสนุนพวกเขาเท่าที่เธอจะทำได้ ถึงแม้เธอจะไม่ชำนาญด้านกฎหมายก็ตาม เธอระบุเพิ่มเติมว่ากฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ทำให้เธอหมดศรัทธาต่อระบบยุติธรรม เพราะมีผู้ประท้วงที่ถูกจับจำนวนมากไม่ได้รับสิทธิ์ประกันตัว
ไม่เพียงแค่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลจะถูกกฎหมายความมั่นคงฮ่องกงเล่นงานเท่านั้น กฎหมายฉบับนี้ยังกระทบถึงฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาลปักกิ่งด้วย
เคท ลี (Kate lee) เจ้าของร้านกาแฟที่รายได้ลดลง เคทเป็นผู้สนับสนุนกฎหมาย NSL เธอมองว่ากฎหมายใหม่จะไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า เธอเป็นฝ่ายสนับสนุนการทำงานของฝ่ายตำรวจ เนื่องจากทุกครั้งที่มีการประท้วง ตำรวจจะเป็นผู้ที่รักษาความสงบเรียบร้อย ในทุก ๆ วันเธอจึงสวมเสื้อสีฟ้าที่พิมพ์ตัวอักษรว่า “ฉันรักตำรวจฮ่องกง” ภายในร้านกาแฟของเธอ ผนังร้านประดับไปด้วยภาพที่แสดงออกถึงการสนับสนุนตำรวจและภาพที่เธอถ่ายคู่กับตำรวจชั้นอาวุโส
การที่เธอแสดงออกว่าอยู่ข้างตำรวจ ทำให้เธอต้องสูญเสียรายได้ต่อเดือนจากปกติ 1,000 ดอลลาร์ฮ่องกงเหลือเพียง 80 ดอลลาร์ฮ่องกง เนื่องจากกระแสแบนสินค้าหรือร้านค้าที่สนับสนุนปักกิ่ง
“ลูกค้าประจำได้บอกกับฉันว่า พวกเขาไม่กล้ามาที่นี่(ร้านของเธอ)อีก เพราะกลัวที่จะถูกถ่ายภาพไว้” เธอกล่าวถึงความกังวลของลูกค้าที่กลัวจะถูกละเมิดความเป็นส่วนตัวจากเจ้าของร้านที่สนับสนุนฝ่ายตำรวจ จึงทำให้รายได้ของเธอลดลง
แซนเดอร์ (Sander) นามสมมติ ข้าราชการที่อยากย้ายประเทศ แซนเดอร์ข้าราชการฮ่องกง ผู้ที่ทั้งรักในงานและอาหารท้องถิ่น แต่จำเป็นต้องละทิ้งสิ่งที่รักเพื่อแสวงหาชีวิตใหม่ในอังกฤษ เขาวางแผนย้ายไปยังเมืองแมนเชสเตอร์ เพราะเขาลำบากใจที่ข้าราชการฮ่องกงต้องทำงานการเมืองที่ขัดต่อมโนสำนึกของเขาเพื่อรับใช้รัฐบาลที่กำลังเผด็จการมากขึ้น
“กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติคือการกวาดล้างทุกคนที่ทางการปักกิ่งไม่ชอบใจ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่สนับสนุนประชาธิปไตย และชาวฮ่องกงที่ไม่สนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์จีน” เขากล่าวถึงกฎหมายที่กำลังลิดรอนเสรีภาพ จนทำให้เขาต้องอยากย้ายประเทศแม้จะยังรักงานราชการและคิดถึงอาหารถิ่นก็ตาม
ยูนิช หยัง (Eunice Yung) สมาชิกสภานิติบัญญัติผู้สนับสนุนกฎหมาย สำหรับหยังแล้ว มองว่ากฎหมายความมั่นคงแห่งชาติได้พลิกโฉมความวุ่นวายและความโกลาหลของการประท้วงปี 2561 กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง “กฎหมายบังคับใช้ได้ดีมาก เพราะพลเมืองต่างรู้ว่าความผิดด้านความมั่นคงแห่งชาตินั้นมีโทษที่ร้ายแรง” ยูนิชกล่าวถึงเหตุผลที่เธอสนับสนุนกฎหมาย NSL เพราะจะนำมาสู่ความสงบเรียบร้อยในสังคม
กฎหมาย NSL ประกาศใช้เมื่อเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 30 มิถุนายน 2563 หลังจากนั้นไม่ถึง 24 ชั่วโมง มีผู้ถูกจับกุมคนแรก ตง หยิงกิต (Tong Ying-kit) เขาถูกกล่าวหาว่าใช้ความรุนแรง และยุยงให้เกิดการแตกแยก แม้ว่าสิ่งที่เขากระทำคือการขับรถจักรยานยนต์ท่ามกลางหมู่ตำรวจและโบกธงเพื่อประท้วง ซึ่งเขาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา หลังจากนั้นเพียงหนึ่งสัปดาห์เขาไม่รับอนุญาตให้ประกันตัว
การจับกุมครั้งใหญ่ภายใต้กฎหมาย NSL เกิดขึ้นครั้งใหญ่ในเดือนมกราคม 2564 มีนักเคลื่อนไหวฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตยและนักการเมืองกว่า 50 คน ถูกกฎหมายดังกล่าวเล่นงาน เนื่องจากแสดงจุดยืนคัดค้านการลงคะแนนเสียงอย่างไม่เป็นทางการเพื่อเลือกผู้แข่งขันในการเลือกตั้ง โดยทั้งหมดถูกกล่าวหาว่าทำการวางแผนล้มล้างรัฐบาล
กระทั่งการจับกุมจิมมี ไหล (Jimmy Lai) ผู้บริหารสื่อแอปเปิ้ล เดลี (Apple Daily) ซึ่งเป็นสื่อฝ่ายประชาธิปไตย และมักนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่โจมตีจีนแผ่นดินใหญ่ โดยไหลถูกกล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังต่างประเทศ โดยล่าสุดที่สำนักงานของแอปเปิ้ล เดลี ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า500 คนบุกรุกเข้าไปในสำนัก พร้อมรวบและยึดทรัพย์ผู้บริหารและบรรณาธิการข่าว 5 คน ด้วยกล่าวหาว่าทำการสมรู้ร่วมคิดกับต่างชาติในการโค้นล้มรัฐบบาล จนเป็นเหตุให้ต่อมาแอปเปิ้ล เดลี จำเป็นต้องถูกปิดตัวลง
นับตั้งแต่กฎหมายประกาศใช้ สื่อท้องถิ่นอย่างฮ่องกงฟรีเพรส (Hong Kong Free Press) ได้รายงานบทสัมภาษณ์ของผู้พิพากษาชาวฮ่องกงเกี่ยวกับปัญหาของกฎหมาย NSL ที่จะส่งผลกระทบต่อระบบยุติธรรมของฮ่องกงว่า “มันเหมือนมนุษย์ต่างดาวที่บุกรุกเข้ามาในอาณาเขตของเรา เป็นพายุทรายที่พัดมาจากทางเหนือ” ผู้พิพากษากำลังเปรียบเปรยถึงกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ที่ถูกร่างจากทางการปักกิ่ง ซึ่งกำลังจะแทรกแซงเข้ามา จนทำให้ระบบยุติธรรมของฮ่องกงถูกบิดเบี้ยวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้