นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า หลังจากเริ่มมีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ จากวิกฤตโควิด-19 ทั้ง พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน และเริ่มทยอยเปิดบริการในภาคธุรกิจต่างๆ ด้านการค้นหาผู้ป่วยโควิด-19 ยังคงต้องทำอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าการตรวจค้นหาจำนวนมากไม่ได้สัมพันธ์กับผลลัพธ์ในการควบคุมโรค และการตรวจไม่ใช่เพื่อตรวจ แต่เป็นการตรวจเพื่อวางแผน ผ่อนปรนกิจการและกิจกรรม ดังนั้นต้องตรวจอย่างเหมาะสม จึงจะใช้การตรวจแบบเฝ้าระวังผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ
โดยให้คณะกรรมการควบคุมโรคระดับจังหวัดเป็นผู้พิจารณา เลือกพื้นที่ในการตรวจค้นหาคนเสี่ยง และสถานที่เสี่ยง ที่สงสัย และทำการตรวจ ซึ่งการตรวจนี้จะใช้การเก็บตัวอย่างน้ำลายของผู้ที่สงสัยและใช้การตรวจแบบ RT- PCR เป็นการตรวจแบบกลุ่มและแสดงผลแบบกลุ่ม ซึ่งวิธีการนี้จะง่าย และรวดเร็ว รวมถึงค่าใช้จ่ายในการตรวจก็จะถูกลงเฉลี่ย 500 บาท ทั้งนี้ต้องทำครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้ง 77 จังหวัด
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาการตรวจค้นหาผู้ป่วย สามารตรวจค้นหาไปแล้ว 230,000 คน ซึ่งภายใน 1 เดือนต้องเพิ่มการตรวจค้นหาให้ได้มากขึ้น ตั้งเป้าให้มีการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อได้เพิ่มมากขึ้น 6,000 คนต่อล้านประชากร หรือประมาณ 400,000 ตัวอย่าง พร้อมกันนี้ยังย้ำว่าการตรวจเพื่อประเมินผ่อนปรนมาตรการนี้ มีด้วย 3 เงื่อนไข
1.ประเมินพฤติกรรม ระหว่างบุคคล การสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ รวมถึงการเคลื่อนย้ายระหว่างบุคคล ซึ่งแน่ชัดแล้วในส่วนของราชการให้มีการทำงานที่บ้านให้ได้ถึงร้อยละ 50 และมีการเหลื่อมเวลาในภาคเอกชน เพื่อไม่ให้เกิดการแออัดในระบบขนส่งสาธารณะ
2.ประเมินจากการบังคับใช้กฎหมาย ให้การควบคุมกิจกรรม และกิจการ เช่น การชุมชน การเล่นพนัน การมั่วสุมดื่มสุราว่ามีการปฏิบัติแย่ลงหรือไม่
3.ประเมินด้วยระบบสาธารณสุข ดูตั้งแต่การควบคุมโรค อัตราครองเตียงของผู้ป่วย ซึ่งจะเป็นการพิจารณาผ่อนปรน จากธุรกิจ กิจการ สีเขียว สีเหลือง สมควรเปิดได้ตามปกติแล้วหรือไม่เพราะหากปล่อยให้มีการระบาดในระลอก 2 แน่นอนสถานการณ์ต้องรุนแรงกว่ารอบแรก