วันที่ 29 เม.ย.2566 เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ทวีตข้อความว่า ยาเสพติด วาระแห่งชาติที่นายกรัฐมนตรีต้องลงมาขับเคลื่อนด้วยตัวเอง

แทบทุกท้องที่ที่ผมได้ลงไปพูดคุยกับพี่น้องประชาชน การระบาดของยาเสพติด เป็นหนึ่งในประเด็นที่ประชาชนต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด และในแทบทุกจังหวัดที่ผมไป พี่น้องเห็นพ้องตรงกันว่าปัญหานี้รุนแรงขึ้นมากใน 8 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดรัฐประหาร และไม่น่าเชื่อว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันทำให้ยาเสพติดเป็นสิ่งที่ ซื้อง่าย ขายคล่อง ไปเสียแล้ว

ทราบกันหรือไม่ครับว่าประเทศไทยมีสถิติการจับกุมยาเสพติดมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่กระบวนการเอาผิดผู้ผลิตและผู้ขาย นั้นยังไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้กระทำผิดไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ส่งผลให้ยาเสพติดแพร่หลาย ราคายาบ้าตกลงมาเหลือเม็ดละไม่กี่บาท ราคาถูกแทบไม่ต่างกับน้ำอัดลมหนึ่งประป๋อง หนำซ้ำ ยังมีการปลดล็อกกัญชาเสรี ซึ่งผมคิดว่าเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างสิ้นดี ลูกหลานที่รักของเราเข้าถึงได้ง่ายจนเป็นปัญหาสังคมที่เรื้อรัง

อีกทั้งในแง่ผู้เสพ รัฐบาลชุดปัจจุบันก็ไม่ให้ความสำคัญกับการบำบัดให้พวกเขากลับเข้าสู่สังคมได้อีกครั้ง ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เป็นเพียงปัญหาทางสังคม แต่ว่าเป็นเหมือนรูรั่วของเศรษฐกิจด้วย เพราะเม็ดเงินหลายหมื่นล้านบาทที่ถูกนำไปซื้อยาเสพติดจะนับเป็นเงินที่ไหลออกจากระบบเศรษฐกิจไทย ไม่เกิดการหมุนเวียน ทำให้ดึงมูลค่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ลง

ผมและพรรคเพื่อไทย เรามีนโยบายที่จะปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด โดยเราจะมีสองมาตรการที่จะดำเนินคู่กัน

มาตรการแรก นายกเราจะนั่งหัวโต๊ะดำเนินการปราบปรามผู้ผลิตและผู้ขายยาเสพติดอย่างเต็มรูปแบบ เร่งรัดให้มีขบวนการยึดทรัพย์ ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดตามกฎหมายที่มีอยู่แล้วแต่ไม่ได้ถูกบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อทำลายแหล่งผลิต พัฒนาเศรษฐกิจแนวชายแดน สร้างงาน สร้างรายได้ เพื่อดึงคนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และในประเด็นกัญชา เราจะยกเลิกกัญชาเสรี อนุญาติให้ใช้กัญชาได้ทางการแพทย์อย่างเดียว

มาตรการที่สอง เราจะเปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย บำบัดผู้ติดยาเสพติดอย่างทั่วถึง นำการบำบัดทางจิตวิทยาที่ทันสมัยมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดการกลับไปใช้ยาเสพติดอีกครั้ง ทำให้ผู้ป่วยกลายเป็นผู้สร้างโอกาสและรายได้ให้กับครอบครัวและชุมชน ให้พวกเขากลับมามีที่ยืน มีศักดิ์ศรีในสังคมอีกครั้ง

หากเราจริงจังกับการแก้ปัญหา ผมมั่นใจว่ายาเสพติดจะหมดไปจากประเทศของเรา สังคมไทยจะเกิดการก้าวหน้าอย่างทวีคูณ เราจะก้าวข้ามความเสียหายจาก 8 ปีที่ผ่านมา ทุกคนในประเทศจะได้ประโยชน์อย่างมีนัย ทั้งผู้เสพที่จะกลับคืนมาสร้างประโยชน์ มามีส่วนร่วมขับเคลื่อนประเทศ เงินที่ถูกนำไปซื้อยาเสพติดนั้นจะไม่ถูกกลืนหายไปกับ เศรษฐกิจนอกระบบ ถูกนำกลับมาหมุนเวียนในเศรษฐกิจ สร้างผลบวกให้ประเทศมหาศาล และที่สำคัญสุดคือ พ่อแม่พี่น้องทั่วประเทศก็จะหายห่วงว่าลูกหลานซึ่งเป็นอนาคตของพวกเราทุกคน จะเสียการเรียน เสียเงิน เสียอนาคต เสียชีวิต จากการติดยา

ผมมั่นใจว่าถ้าผมและพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกมาเป็นรัฐบาลเราจะสามารถ ปราบปราม ยาเสพติดได้ เพราะเราเคยทำมาแล้วในรัฐบาลไทยรักไทย รัฐบาลพลังประชาชน และ รัฐบาลพรรคเพื่อไทย และเมื่อเราผลักดันนโยบายนี้ร่วมกับนโยบายอื่นๆ ของพรรค ไม่ว่าจะเป็น นโยบายเรียนรู้มีรายได้ เรียนรู้ง่ายตลอดชีวิต เงินเดือนขั้นต่ำ 600บาท เราจะทำให้ประเทศไทยของเราน่าอยู่ขึ้น ปลอดภัยขึ้น เป็นการสร้างอนาคตที่สดในให้กับลูกหลานของเราครับ