ในรอบ 5 ปี ของการปกครองประเทศ โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ด้วยการนำของคณะทหารจากค่ายบูรพาพยัคฆ์ นำโดย 3 ป. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หรือ 'บิ๊กป๊อก' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ทว่าล่าสุดวันนี้ (9เม.ย.62) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่าด้วยการประชุมคณะรัฐมนตรี ไร้เงาของพี่ใหญ่ของคณะรัฐบาล นั้นคือ 'พล.อ.ประวิตร' ที่มีอาการท้องเสีย ลาร่วมวงประชุม
ท่ามกลางมรสุมข่าวของการย้าย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้อำนาจมาตรา 44 สั่งพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ โยกย้ายมานั่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกฯ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า บุคคลท่านนี้เป็น 'น้องรัก' ของพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ แต่แล้วการรอคอยของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ที่รอจิ้มไมค์ถามก็คอยเก้อและไร้คำตอบ
ด้วยความห่วงใยสุขภาพของ 'พล.อ.ประวิตร' ที่มีอายุสิริรวม 73 ปี วอยซ์ออนไลน์ จึงขอรวบรวมภาวะการป่วยของรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง
'เพียงไข้หวัด ปัดป่วยการเมือง'
เมื่อครั้นปี 2558 เสียงข่าวลือขจรไกลไปทั่วประเทศ เมื่อมีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ท่ามกลางกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี และเป็นช่วงเดียวกับการปรับทัพทหารระดับชั้นนายพล ทำให้มีการตั้งคำถามในหมู่สังคมว่า หรือจะเป็น 'ป่วยการเมือง' แต่แล้ว พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ก็ออกมาสยบข่าวลือด้วยเหตุการลาป่วยนั้น เนื่องจาก พล.อ.ประวิตร มีอาการป่วยเป็นไข้หวัด และได้นอนพักรักษาตัวที่บ้าน
'ยิ่งแช่ง ผมยิ่งอยู่'
ต่อมาในปี 2559 ในช่วงเดิอนสิงหาคม ข่าวลือสำหรับปัญหาด้านสุขภาพของพล.อ.ประวิตร ก็กลับมาอีกระลอก ภายหลังเดินทางกลับจากทำเนียบรัฐบาล ได้เกิดอาการหน้ามืด และถูกหามส่งโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จากภาวะเครียดและอ่อนเพลีย อย่างไรก็ดีในวันที่ 11 สิงหาคม พล.อ.ประวิตร ได้เปิดบ้านให้น้องรักอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ นำคณะผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้าอวยพรวันเกิด พร้อมยืนยันว่าสุขภาพยังแข็งแรงแน่นปึ้ก ไม่เคยป่วยจนถูกหามเข้าโรงพยาบาล และหากผู้สื่อข่าวยิ่งแช่ง ยิ่งอยู่นาน
'ไม่เป็นไร สบายดี'
ทว่าเมื่อปี 2560 ในวันที่ 29 พ.ค.2560 พล.อ.ประวิตร ได้ปรากฎตัวในชุดสีกากี หลังจากลาราชการ พร้อมกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า 'ไม่เป็นไร สบายดี' โดยในช่วงก่อนหน้านั้นมีรายงาน พล.อ.ประวิตร เข้ารักษาโรคหัวใจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ภายหลังเดินทางกลับจากปฏิบัติราชการที่ต่างประเทศ
'ป้อมไปไหน'
เมื่อปี 2561 วันที่ 11 เมษายน ที่บ้านป๋า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้สอบถามพล.อ.ประยุทธ์ ในวาระเปิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ ให้รดน้ำขอพร ก่อนวันปีใหม่ไทย โดยป๋าเปรม ได้เอ่ยถามว่า 'ป้อมไปไหน' เมื่อไร้เงาพี่ใหญ่ คสช. ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์ จะตอบว่า 'เป็นโรคหัวใจ ไปทำบายพาสหัวใจ' ก่อนใช้มือชี้ไปที่หน้าอกข้างซ้าย หลังจากนั้น พล.อ.ประวิตร กลับมาทำหน้าที่ในวันที่ 17 เมษายน โดยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า 'ก็เห็นอยู่นี่แหละ ไม่ได้เป็นอะไรเลยๆ'
อย่างไรก็ตามให้หลังอีก 3 เดือนวันที่ 23 กรกฎาคม ขณะที่คณะรัฐมนตรีเตรียมประชุมสัญจร ที่จ.อุบลราชธานี มีรายงานว่านายทหารที่ติดตาม พล.อ.ประวิตร ได้ช่วยประคองและพยุงขณะที่ พล.อ.ประวิตรมีสีหน้าอิดโรย หลังจากนั้นโฆษกกลาโหมได้ชี้แจงเรื่องอาการของรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงว่า 'อาหารเป็นพิษเลยไม่ย่อยนิดหน่อย และจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทันที'
'โจ๊กหาย ป้อมป่วย'
ด้วยอายุอานาม 73 ปี ผนวกกับอาการป่วยของโรคหัวใจ อีกทั้งในภาวะสถานการณ์ทางการเมืองที่เข้มข้นขึ้นทุกวัน มรสุมด้านสุขภาพก็มาพร้อมข่าวเด้งน้องรัก 'พล.ต.ท.สุรเชษฐ์' ท่ามกลางความสับสนของสาเหตุการย้ายเข้ากรุครั้งนี้ ซึ่งก็คงไม่แปลกที่ผู้สื่อข่าวไม่ว่าจะเป็นสายทำเนียบฯ หรือสายทหาร ต่างรอคอยคำตอบจาก 'พี่ใหญ่ คสช.' ก็หวังเพียงแต่ว่าภายหลังการรักษาตัวเสร็จสิ้น สังคมคงได้รับความกระจ่างจากปากของ พล.อ.ประวิตร..
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง