ไม่พบผลการค้นหา
แผนต่อต้านรัฐบาลเกาหลีเหนือจะนำไปสู่การเพิ่ม “ความเสี่ยงให้เกิดความอันตรายที่ร้ายแรง”

คิมโยจอง น้องสาวของคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ออกมาแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์การบรรลุข้อตกลงสำคัญระหว่างสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้โดยเธอระบุว่า แผนการของทั้งสองประเทศ ในการต่อต้านรัฐบาลของเกาหลีเหนือจะนำไปสู่การเพิ่ม “ความเสี่ยงให้เกิดความอันตรายที่ร้ายแรง”

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ไม่กี่วันที่ผ่านมาหลังการพบกันอย่างเป็นทางการของ โจ ไบเดนและ ยูนซุกยอล ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ซึ่งได้มีการบรรลุข้อตกลงพร้อมเผยว่าเกาหลีเหนือจะต้องได้รับการโจมตีกลับด้วยอาวุธนิวเคลียร์หากว่าเกาหลีเหนือมีการใช้อาวุธนิวเคลียร์จริง 

ในการแสดงความเห็นแรกจากรัฐบาลเกาหลีเหนือต่อการร่วมมือกันและการบรรลุข้อตกลงของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ คิมโยจองกล่าวว่า เกาหลีเหนือยังคงมีความเชื่อว่าการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์จะต้องดำเนินต่อไปให้มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้นให้ได้มากที่สุด

ทั้งนี้ ในวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมาสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ได้ทำข้อตกลงครั้งสำคัญ เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ โดยสหรัฐฯ ตกลงที่จะนำเรือดำน้ำติดอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ เข้ามาประจำการยังเกาหลีใต้เป็นระยะๆ และตกลงให้เกาหลีใต้มีส่วนร่วมในการดำเนินงานวางแผนปฏิการนิวเคลียร์ ทั้งนี้ เกาหลีใต้ได้ทำข้อตกลงตอบคืนโดยจะไม่ทำการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตัวเอง

โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า ปฏิญญาวอชิงตันนี้ จะเสริมสร้างความร่วมมือของชาติพันธมิตร ในการยับยั้งการโจมตีของเกาหลีเหนือ ทั้งนี้ มีความกังวลที่เพิ่มขึ้นจากทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับภัยคุกคามนิวเคลียร์ที่เกิดจากเกาหลีเหนือ โดยเกาหลีเหนือกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี ที่สามารถกำหนดเป้าหมายยิงมายังเกาหลีใต้ได้ และเกาหลีเหนือกำลังปรับแต่งอาวุธพิสัยไกล ที่สามารถยิงได้ถึงแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ

ยุนซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ซึ่งเดินทางเยือนทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการกล่าวว่า ปฏิญญาวอชิงตันถือเป็นพันธสัญญาที่ "ไม่เคยมีมาก่อน" ของสหรัฐฯ ที่จะยกระดับการป้องกัน ยับยั้งการโจมตี และปกป้องพันธมิตรของสหรัฐฯ โดยใช้อาวุธนิวเคลียร์ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารระดับสูงระบุว่า ข้อตกลงใหม่นี้เป็นผลมาจากการเจรจาที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือน