ไม่พบผลการค้นหา
ศก.เดือน พ.ค.ของอังกฤษปรับตัวเข้าสู่แดนบวกที่ร้อยละ 1.8 แต่ยังต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ร้อยละ 5 นักวิเคราะห์ชี้ ต้องใช้เวลานับปีในการฟื้นตัว

สำนักงานสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักรประกาศอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ประจำเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ปรับเข้าสู่แดนบวกที่ร้อยละ 1.8 หลังจากที่ตัวเลขตั้งแต่เดือน ก.พ.-เม.ย.อยู่ที่ร้อยละ 0, ติดลบร้อยละ 6.9 และติดลบร้อยละ 20.3 ตามลำดับ ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่มองการปรับตัวจะดีขึ้นที่ร้อยละ 5 

ปัจจุบันจีดีพีในไตรมาสแรกของสหราชอาณาจักรอยู่ที่ติดลบร้อยละ 2.2 ขณะที่สัดส่วนการเติบโตระหว่างเดือน ก.พ.-เม.ย.อยู่ที่ติดลบร้อยละ 10.8 เมื่อเทียบกับตัวเลขสามเดือนก่อนหน้า ส่วนสัดส่วนจีดีพีระหว่างเดือน มี.ค.-พ.ค.อยู่ที่ติดลบร้อยละ 19.1 

จีดีพี

เมื่อไล่ดูตามรายอุตสาหกรรม ข้อมูลจากสำนักสถิติฯ สะท้อนการปรับตัวลดลงในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในฝั่งการก่อสร้างที่ติดลบถึงร้อยละ 29.8 ขณะที่ดัชนีบริการตกลงถึงร้อยละ 18.9 

ตามข้อมูลจากบลูมเบิร์ก เศรษฐกิจอังกฤษอาจติดลบถึงร้อยละ 9 ในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในเกือบ 100 ปี ขณะนักวิเคราะห์หลายรายประเมินว่าจีดีพีจะยังไม่ปรับตัวดีกลับสู่ระดับก่อนก่อนวิกฤตไปจนถึงปลายปีหน้า

อังกฤษ-unsplash

สัปดาห์ที่ผ่านมา ริชี ซูนัก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาประกาศมาตรการสนันสนุนเพิ่มเติมอีก 30,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท เพื่อเข้าไปเสริมความมั่นใจในภาคธุรกิจและผู้บริโภคพร้อมย้ำประเด็นปัญหาแรงงาน

  • "ตัวเลขในวันนี้เป็นการเน้นย้ำถึงความท้ายทายที่เราเผชิญ...ผมรู้ว่าผู้คนกังวลกับความมั่นคงของอาชีพและรายได้"

ด้าน แดน แฮนซัน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากบลูมเบิร์กชี้ว่า ตัวเลขจีดีพีที่ปรับตัวกลับมาอ่อนแรงกว่าที่คาดไว้เป็นการสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในรูปตัววีเป็นไปได้ยาก แม้มาตรการล็อกดาวน์ต่างๆ ถูกผ่อนปรนบ้างแล้ว แต่ระดับเศรษฐกิจก็ยังต่ำกว่าก่อนเกิดวิกฤตถึงร้อยละ 25 สิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อนว่าการฟื้นตัวจำเป็นต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ 

สอดคล้องกับ ดาชินี เดวิด ผู้สื่อข่าวการค้าโลกจากบีบีซี ที่ชี้ว่า แม้ผู้อำนวยการเศรษฐศาสตร์จากธนาคารกลางอังกฤษจะหวังอย่างสูงว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในรูปตัววี แต่ข้อมูลที่สะท้อนออกมารวมถึงประวัติศาสตร์ก็ย้ำเตือนมาเสมอว่าเศรษฐกิจอาจต้องใช้เวลานับปีในการฟื้นตัว

อ้างอิง; Bloomberg, BBC, Telegraph

ข่าวที่เกี่ยวข้อง;