เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2563 อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.) กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาบุคลากรภาครัฐ "ยุทธศาสตร์ชาติภาคปฏิบัติ : ร่วมขยับขับเคลื่อนภาครัฐ เพื่อประชาชน
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้ประเทศมีความก้าวหน้า มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความทันสมัย เตรียมพร้อมเปลี่ยนไทยสู่โลกหลังโควิด-19 ด้วย New normal สิ่งสำคัญวันนี้ คือ รัฐบาลทำงานอย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจน นายกรัฐมนตรีเป็นผู้กำหนดนโยบาย โดยรับฟังความคิดเห็นต่างๆ ที่เสนอมา ส่วนขับเคลื่อนคือ คณะรัฐมนตรี
ขณะที่รัฐมนตรีและส่วนราชการเป็นผู้ปฏิบัติที่สำคัญ ให้ร้อยเรียงยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูปที่ 12 นโยบายรัฐบาล และการจัดสรรงบประมาณให้มีความสอดคล้องกัน หน่วยราชการก็ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการ ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ให้เกิดประโยชน์ จัดลำดับความสำคัญแผนงาน/โครงการ รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่ ปรับหลักคิด (Mindset) ให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านเทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนองคาพยพ ซึ่งตนก็ใช้วิธีการนี้เช่นกัน
ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อรองรับสังคมสูงวัย รวมทั้งการดูแลกลุ่มเปราะบาง ดูแลแรงงานทั้งในประเทศ แรงงานไทยในต่างประเทศ รวมทั้งแรงงานต่างด้าว แม้ปัจจุบัน มีการใช้เครื่องจักรเทคโนโลยีมากขึ้นในภาคอุตสาหกรรมมี แรงงานคนยังคงอยู่ในสายการผลิตด้วย ซึ่งรัฐบาลนี้เน้นให้คนมีงานทำ ขณะที่การศึกษาต้องส่งเสริมทั้งด้านวิชาการและสร้างความรัก ความปรองดอง ความสามัคคีให้เกิดขึ้นในสังคม รวมถึงแนวคิดในการเพิ่มช่องทางสื่อสาร อาทิ การเผยแพร่ข้อมูลผ่านระบบมือถือ เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งสร้างการรับรู้อย่างตรงไปตรงมา เพิ่มเติมจากการรับข้อมูลทางสื่อออนไลน์ต่างๆ ที่ต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูล ประเมินความถูกต้องจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ ด้วย
นายกรัฐมนตรียังกล่าวในช่วงท้ายว่าสิ่งสำคัญคือ การเมืองประเทศไทยยังคงต้องเดินหน้าปฏิรูปการเมืองกันต่อไป แต่ขอให้ทุกคนทำในสิ่งที่ถูกต้อง อย่าให้การทุจริตเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้อย่างเด็ดขาด เพราะมีกลไกการตรวจสอบมากมายและได้ผู้ทำความผิดหลายคนถูกดำเนินคดี จำคุก วันนี้ ข้าราชการ ประชาชนและนักการเมือง ล้วนเป็นบุคคลสำคัญที่จะร่วมกันการเดินหน้าประเทศ สร้างความเข้มแข็งและคำนึงถึงศักดิ์ศรี เพราะยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้านนั้นมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ขอให้เข้าใจว่าในการที่จะเดินหน้าต้องมีก้าวแรกเสมอ ซึ่งทุกอย่างต้องใช้เวลาและความเข้าใจ
นายกรัฐมนตรี ระบุว่าโอกาสนี้ ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรการพัฒนาและบริหารระดับสูง : ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง นำเสนอการออกแบบโครงการ แผนงานที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล และทิศทางของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และ แผนการบริหารงานภาครัฐ ตลอดจนบริบทที่เปลี่ยนแปลง อาทิ ม.ล.พัชรภากร เทวกุล เลขาธิการ ก.พ. ได้เสนอ โครงการ Digital Garage “โรงซ่อม เสริม สร้าง” กำลังคนภาครัฐตั้งแต่การประเมินองค์การ (ซ่อม) การปรับคุณภาพด้วยทักษะด้านดิจิทัล (เสริม) และบูรณาการคน สร้างเครือข่ายผู้เกี่ยวข้อง ให้เกิดคลังคนคุณภาพในระบบราชการ ลดการพึ่งพากำลังคน สู่การสร้างคุณภาพด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ขณะที่ สุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นำเสนอ “โครงการพัฒนาระบบ e-Service เพื่ออำนวยความสะดวกและดูแล แรงงานไทยในต่างประเทศที่มีมากกว่า 400,000 คน สร้างรายได้กลับเข้าประเทศถึง 140,000 ล้านบาท โดยในอนาคตจะมีการพัฒนาเป็น e-Self Service เพื่อให้แรงงานสามารถดำเนินธุรกรรมในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วยตนเองได้อีกด้วย
นอกจากนี้ นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้นำเสนอ โครงการ I Connect เป็นแพลตฟอร์มจัดทำข้อมูลขนาดใหญ่ Big Data เชื่อมโยงข้อมูลอุตสาหกรรม ข้อมูลกระทรวงอุตสาหกรรมและ 20 หน่วยงานในกำกับของกระทรวง รวมถึงฐานข้อมูลการผลิต การซื้อขาย และสินค้าที่ได้รับเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ( มอก.) เป็นฐานข้อมูลกลางขนาดใหญ่ (Big Data) นำไปสู่การขยายผล เพิ่มมูลค่าเชิงเศรษฐกิจ การค้า การตลาด การลงทุนของประเทศ
รองศาสตราจารย์ สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวง อว. กล่าวถึงโครงการ Digital Transcript โดยเป็นการแปลงประกาศนียบัตร วุฒิบัตร ใบประกาศด้านการศึกษา ฝึกอบรบส่วนบุคคลไว้ในเว็บไซท์กลาง ในลักษณะ Thailand Skill Portal เพื่อให้ภาครัฐรวมทั้งผู้ประกอบการสามารถรับรู้ภาพรวมศักยภาพ สมรรถนะกำลังคนของประเทศ ได้ ภายใต้ระบบป้องกันความมั่นคงทางไซเบอร์เพื่อมิให้ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล